Category Archives: ข่าววันนี้

1 คดีป๋ายุทธ

ปมลึก คดีป๋ายุทธ กินตับเมียชาวบ้าน หรือ เหยื่อเกมพิศวาส

รายการ “ถอนหมุดข่าว” เผยแพร่ทาง แอปพลิเคชั่น SONDHI APP สถานีส่งสัญญาณโทรทัศน์ NEWS1 และ เฟซบุ๊กแฟนเพจ NEWS1 ในวัน อังคาร ที่ 10 มกราคม 2566 พรีเซนเทชั่นรายงานพิเศษ ปมลึก คดีป๋ายุทธ กินตับภรรยาชาวบ้าน หรือ เหยื่อเกมพิศวาส

การยุทธ ยังไม่สิ้นเสร็จ ทางออกของ ย. ย. ยงยุทธ วิชัยดิษฐ จะเป็นอย่างไรต่อไป คดีที่กลายเป็นข่าวฉาวโฉ่ คาวสวาท ในวัย 80 ปี กับสาวสวยรุ่นลูก ซึ่ง ดันเป็น “เมียชาวบ้าน”

นายยงยุทธ ขณะนี้ จำเป็นต้องเจอศึกกระหนาบ กับหลาย ๆ ด้านพร้อมกัน ทั้งจากคดี แล้วก็ กระแสสังคม

ในทางคดีนั้น “นาย ก.” ฝ่ายโจทก์ ซึ่ง มีทนายตั้ม ษิทรา เบี้ยบังเกิด รับว่าความให้ ได้ยื่นฟ้องแพ่งเรียกค่าเสียหาย ต่อ เชลยไปแล้ว ตั้งแต่เมื่อวันที่ 23 เดือนธันวาคม ก่อนหน้านี้

ปรากฎว่า มีการเดินเกม โต้กลับ ส่งคนไปข่มขวัญคุกคามทางด้านโจทก์ ถือเป็นเป้าหมายที่พลาดอย่างแรง ของคนสั่งการ

เมื่อโจทก์เกิดความหวาดกลัว แล้ว ยอมถอยไปเงียบๆก็ถือว่าเข้าทางไป แต่สำหรับในกรณีนี้ โจทก์ กลับทำตรงกันข้าม และ พร้อมที่จะชนอิทธิพลให้ รู้ดี รู้ชั่ว กันไปเลยทีเดียว

ภรรยาถูกชายชู้ตีท้ายครัว ก็ปวดพอแล้ว ยังมาถูกขู่เข็ญคุกคามซ้ำอีก สามีของฝ่ายหญิง เลยทวงแค้น ด้วยการเปิดโปง

2 คดีป๋ายุทธ

สำหรับหมากเกมนี้ คดีป๋ายุทธ ของชายมือที่สาม ก็เลยจัดว่าเกิดความผิดพลาดขึ้น อย่างแรง

จากคดีที่ฟ้องศาลกันเฉยๆ ไม่มีใครทราบ ก็เลยตกกลายเป็นข่าวดัง ได้รับรู้กันทั้งประเทศ

อย่างไรก็ตาม ทางคดีอาจจะมีทางออก ไม่มีค่าใช้จ่ายทดแทน ตามกฎหมายแพ่ง ถ้าเกิดพิสูจน์ได้ว่า ผัวเมียคู่ปัญหานี้ รู้เห็นเป็นใจกัน ทำสถานการณ์ขึ้นเอง จน ป๋ายุทธ์ ติดบ่วง

ว่าในหัวข้อตามกฎหมาย ก็คือ การจะฟ้องทางแพ่ง เรียกร้องค่าเสียหายอะไรก็แล้วแต่ ตามกฎหมายแพ่ง มาตรา 1523 เรียกค่าชดเชย จากแฟนปันใจ จะต้องเป็นคู่ที่ จดทะเบียนกันแล้วเท่านั้น ถึงแม้ว่าจะโดยพฤตินัย จะแยกบ้านกันอยู่ก็ตาม ยังนับว่าเป็น สามี ภรรยา โดยชอบด้วยกฎหมาย

ถ้าเกิดสามีภรรยาชนิดอยู่ร่วมบ้านเดียวกัน แต่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนกัน จะไม่มีสิทธิ์ฟ้องร้องคดีตามมาตรา ดังกล่าวได้เลย

จนถึงในขณะนี้ ก็ยังไม่มีการยืนยันกระจ่าง ในหัวข้อทะเบียนสมรส ว่ามีหรือไม่ แต่ก็น่าพิจารณาเหมือนกันว่า ผู้ใช้กฎหมาย ระดับ ทนายความตั้ม จะมาตายน้ำตื้น พลาดในตัวบทกฎหมายง่าย ๆ อย่างนี้ ก็ยากที่จะมีความเป็นไปได้

มาถึงหลักสำคัญที่น่าดึงดูดสูงที่สุด อันจะเป็นเหตุทำให้คดีพลิก และ เกิดกระแสตีกลับ มีการพินิจพิจารณาไปในทางเดียวกันคือ ป๋ายุทธ คือ เหยื่อของเกมสิเนหา อันซับซ้อน เป็นได้ว่า งานนี้ เป็นแผนการส่งฝ่ายหญิง ไปลวงล่อให้ “ป๋ายุทธ ดอนฮวน แห่ง ชาวสิงห์ดำ” ตกหลุม เพื่อร่วมกันแบล็กเมล์ตบสินทรัพย์ มันจะเป็นไปได้ไหม คนไม่ใช่น้อยเปิดประเด็นนี้ เพื่อมองรอบด้าน

หนึ่งในคำถาม ที่มีต่อ ตัวคู่สามีภรรยา เพราะเหตุไร ฝ่ายสามีจึงได้ เข้าถึงภาพลับ แชทลับ ต่าง ๆ ของเมียได้ ทั้งที่เมียกำลังเริ่มจะมีพฤติกรรมทางลับ ที่มิดีมิงาม

ทำไม เธอถึงไม่ถ้วนถี่ ไม่มีการเข้ารหัสคุ้มครองป้องกันโทรศัพท์มือถือ นี้จะมองดูให้เป็นพิรุธ ก็มองได้ด้วยเหมือนกัน

ฝ่ายจำเลย บางทีอาจใช้ประโยชน์จากความข้องใจ กลุ่มนี้ แปลงตัวเอง ให้เป็นเหยื่อผู้ถูกกลั่นแกล้ง ไปเลย ไม่ใช่นักรักนักล่าไร้หัวใจ อย่างที่ข่าวสารเขาว่าซะหน่อย

3 คดีป๋ายุทธ

แต่การเข้าถึงข้อมูลมือถือนั้น จริง ๆ ก็มีสารพัดวิธีการที่จะ “แฮก” เข้าไปได้ ถึงแม้ว่าจะมีรหัสปกป้องก็ตาม

เวลานี้ ความเสียท่าอย่างแรงของ ป๋ายุทธ ก็คือ สมรภูมิโซเชียล เพราะภาพลับของ นายยงยุทธ เริ่มถูกปล่อยออกมา ว่อนทั่วอินเตอร์เน็ต ไปแล้ว

อย่างภาพโป๊คู่กัน ที่ถึงแม้ไม่เห็นหน้าฝ่ายชาย แต่ก็เห็นผมสีดอกเลาโดดเด่น เป็นสง่า ก็ไม่สามารถเป็นคนที่สอง หรือ ใครอื่นได้

หรือภาพเปิดหน้าชัด ๆ นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ โอบไหล่สาวสวยรุ่นลูก แชะภาพร่วมกันอย่างเผย อาจจะแถว่าเป็นภาพตัดต่อ ก็ว่าได้ แต่ ใครจะเชื่อ? และก็ วันนี้ยังมีภาพหลุด ค่อย ๆ ปล่อยทะยอยออกมา อย่างต่อเนื่อง

การเคลียร์ตัวเอง ในโลกของโซเชียลนั้น นับว่าเป็นงานยาก ถึงยากที่สุด ท่ามกลางภาพลับ ที่น่าจะตามมาอีกมากมาย ที่กำลังจะได้เห็น ต่อเนื่อง ทุกวันเป็นอย่างกับหนังซีรี่ย์ เพื่อบีบรัด ป๋ายุทธ ให้ “ดิ้น” ไม่ออก

ยิ่งมีการไปต่อปากหลากคำ กับทนายความตั้ม รวมทั้ง ตั้งท่า ดึงพรรคเพื่อไทยมาอุ้ม ก็จะยิ่งโดน ทนายตั้ม “ขยี้” ด้วยเหลี่ยมเชิงตรรกะยอกย้อน ชาวเนต ซึ่ง จำนวนมากยืนข้าง ทนายตั้ม ก็จะรุมสกรัม ป๋ายุทธ ซ้ำกันเข้าไปอีก

บางครั้ง การยืดอกสารภาพความเป็นจริง เหมาะสมที่สุด ผมนี่แหละครับ “ป๋า สปอร์ต ใจดี กทม. โอนไว” แล้วปิดห้องเจรจา เพื่อจ่ายค่าปรับ ให้กับความซุกซนที่ก่อไว้ บางทีอาจเป็นทางออกที่ยอดเยี่ยม เดี๋ยวนี้ เชื่อ ในทางพฤตินัย การยุทธ คงสิ้นเสร็จ แล้ว ก็จะได้เสร็จเรื่องกันไป

1 โควิดสายพันธุ์ใหม่ XBB.1.5

โควิดสายพันธุ์ใหม่ XBB.1.5

โควิดสายพันธุ์ใหม่ เชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์ย่อยใหม่ที่กำลังแพร่ระบาดในสหรัฐอเมริกาอย่าง XBB.1.5 ทำให้เกิดความรู้สึกกลุ้มอกกลุ้มใจเนื่องจากว่ามันแพร่อย่างได้อย่างรวดเร็วทันใจ

นอกเหนือจากในสหรัฐฯ แล้ว การแพร่ระบาด ของ สายพันธุ์ใหม่ นี้ ก็ เริ่ม มี จำนวน มากขึ้น ใน สหราชอาณาจักร ด้วยเหมือนกัน แล้วเราจำต้องรู้อะไรบ้างเกี่ยวกับ XBB.1.5 เพื่อเตรียมรับมือกับมัน

2 โควิดสายพันธุ์ใหม่ XBB.1.5

โควิดสายพันธุ์ใหม่ XBB.1.5 คืออะไร แล้วก็ลักษณะของมันเป็นอย่างไร

มันเป็นเชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์ย่อยที่แยกตัวมาจากโอมิครอนที่ถือได้ว่าสายพันธุ์หลักของโลกอยู่ขณะนี้ ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสที่กลายพันธุ์มาจาก อัลฟา เบตา แกมมา รวมทั้งเดลตา ที่เคยเป็นสายพันธุ์หลักมาก่อนหน้านี้

โอมิครอนเป็นไวรัสที่มีคุณภาพเหนือกว่าไวรัสโคโรนาสายจำพวกก่อนหน้านี้ทั้งหมดนับตั้งแต่เริ่มของการระบาดใหญ่ไปทั่วโลกเมื่อท้ายปี 2021 และทำให้เกิดสายพันธุ์ย่อยจำนวนมากซึ่งทำให้แพร่ระบาดได้มากกว่าสายพันธุ์ย่อยตัวเดิม

ลักษณะของ XBB.1.5 นั้นมีความเหมือนกับลักษณะของโอมิครอน แต่ว่าก็ยังเร็วเกินไปที่จะการันตีว่าอาการคล้ายกันจริงหรือไม่ โดยผู้เจ็บป่วยส่วนใหญ่ที่ติดโรคเชื้อไวรัสสายพันธุ์ย่อยตัวนี้มักมีลักษณะเหมือนเป็นหวัด

XBB.1.5 ติดได้ง่ายกว่าหรือเป็นอันตรายมากกว่าสายพันธุ์ย่อยก่อนหน้าหรือไม่

XBB.1.5 ปรับปรุงมาจาก XBB ซึ่งตรวจเจอคราวแรกในประเทศอินเดียในเดือน เดือนสิงหาคม 2022 แม้กระนั้นยังไม่ได้จัดอยู่ในชนิดที่เรียกว่า “สายพันธุ์ที่น่ากังวล” โดยหน่วยงานด้านของสุขภาพ ถัดมาเริ่มแพร่ระบาดในสหราชอาณาจักรเมื่อเดือน เดือนกันยายน 2022

XBB มีการกลายพันธุ์ที่ช่วยทำให้เอาชนะภูมิคุ้มกันของร่างกายได้ แต่คุณคุณลักษณะเดียวกันนี้ยังลดความสามารถในการติดเชื้อโรคในเซลล์ของมนุษย์ด้วย

ศ.จ. เว็นดี บาร์เคลย์ จากอิมพีเรียล คอลเลจ ลอนดอน บอกว่า XBB.1.5 มีการกลายพันธุ์ที่รู้จักกันในชื่อ F486P ซึ่งมีความรู้และความเข้าใจสำหรับเพื่อการยึดเกาะกับเซลล์เวลาที่ยังคงเลี่ยงภูมิต้านทานได้ ทำให้แพร่ระบาดได้ง่ายขึ้น

เธอพูดว่า การเปลี่ยนแปลงทางด้านวิวัฒนาการพวกนี้เป็นเสมือนก้าวแรกของทาง เนื่องจากไวรัสมีวิวัฒนาการเพื่อค้นหาขั้นตอนการใหม่สำหรับการเลี่ยงกลไกการคุ้มครองตัวเองของร่างกาย

นักวิทยาศาสตร์จากองค์การอนามัยโลก (WHO) ยืนยันเมื่อ 4 มกราคม ว่า XBB.1.5 มี “การได้เปรียบสำหรับการเติบโต” เหนือสายพันธุ์ย่อยอื่นๆทั้งหมดที่พบในตอนนี้

แต่ว่าพวกเขาบอกว่าไม่มีข้อบ่งชี้ว่ามันร้ายแรงหรือทำให้เป็นอันตรายมากกว่าสายพันธุ์ย่อยก่อนหน้าที่ผ่านมาอย่างโอมิครอน

WHO กล่าวว่าจะติดตามผลการศึกษาวิจัยในห้องทดลอง ข้อมูลตามโรงพยาบาล แล้วก็อัตราการรับเชื้ออย่างใกล้ชิด เพื่อหารายละเอียดต่างๆนอกเหนือจากนี้เกี่ยวกับผลพวงที่มีต่อคนเจ็บ

XBB.1.5 แพร่กระจายไปที่ใดบ้าง

กว่า 40% ของผู้ติดเชื้อโรคโควิดในสหรัฐอเมริกาคาดว่าเกิดจากสายพันธุ์ย่อย XBB.1.5 ทำให้กลายเป็นสายพันธุ์หลักในประเทศ

เมื่อต้นเดือน ธ.ค. 2022 ผู้ติดเชื้อโรคสายพันธุ์ย่อย XBB.1.5 มีสัดส่วนเพียง 4% ของผู้ติดเชื้อโรคทั้งหมด ซึ่งทำให้ตอนนี้ XBB.1.5 ได้แซงหน้าโอมิครอนสายพันธุ์ย่อยอื่นๆอย่างเร็ว

การเข้ารับการดูแลรักษาในโรงหมอของคนเจ็บโควิดเพิ่มขึ้นในช่วงไม่กี่สัปดาห์ก่อนหน้านี้ทั่วสหรัฐอเมริกา

สำนักงานความมั่นคงด้านของสุขภาพที่สหราชอาณาจักร (UK Health Security Agency) มีกำหนดจะออกรายงานเกี่ยวกับสายพันธุ์ที่แพร่ในสหราชอาณาจักรในอาทิตย์หน้า และก็อาจมีการเอ๋ยถึงสายพันธุ์ XBB.1.5

3 โควิดสายพันธุ์ใหม่ XBB.1.5

สายพันธุ์ย่อย XBB.1.5 จะกลายเป็นสายพันธุ์หลักในสหราชอาณาจักรได้หรือไม่

ไม่มีอะไรแน่นอน แต่ก็มีความเป็นไปได้

สหราชอาณาจักรเกิดการแพร่ระบาดของโอมิครอน 5 ระลอกในปี 2022 และการเพิ่มขึ้นของปริมาณผู้ป่วยเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้

จำนวนผู้ป่วยรายสัปดาห์จนกระทั่งวันเสาร์ที่ 17 ธ.ค. จาก Sanger Institute หรือสถานบันแซงเกอร์ ในเคมบริดจ์แสดงให้เห็นว่า 1 ใน 25 ของคนป่วยโควิดในสหราชอาณาจักรเป็น XBB.1.5

แต่ว่าข้อมูลนั้นมาจากตัวอย่างเพียงเก้าตัวอย่าง โดยเหตุนี้คงจะต้องรอคอยอีกหนึ่งหรือสองอาทิตย์เพื่อให้เห็นภาพที่ชัดขึ้นว่าการแพร่ระบาดจะเป็นอย่างไร

ศาสตรจารย์บาร์เคลย์พูดว่า เธอคาดว่าจะมีผู้เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเพิ่มขึ้นเรื่อยๆในสหราชอาณาจักร หากสายพันธุ์ย่อยเริ่มแพร่ระบาดในสหราชอาณาจักร “จากที่เราคาดไว้”

ศ.จ.พอล ฮันเตอร์ จาก University of East Anglia หรือมหาวิทยาลัยแห่งอีสต์อังเกลีย พูดว่า “มีความเป็นไปได้ที่ XBB.1.5 จะก่อให้เกิดการแพร่ระบาดระลอกแรกในสิ้นเดือนนี้ แต่พวกเราไม่อาจจะแน่ใจได้”

นักวิทยาศาสตร์กังวลเกี่ยวกับ XBB.1.5 หรือไม่

ศาสตราจารย์บาร์เคลย์กล่าวว่า เธอไม่ได้ไม่ค่อยสบายใจเป็นพิเศษเกี่ยวกับประชากรทั่วๆไปของสหราชอาณาจักร เพราะว่าไม่มี “สัญญาณชี้” ว่า XBB.1.5 จะ “ทะลวง” เกราะป้องกันการเจ็บป่วยร้ายแรงที่ผู้คนได้รับจากวัคซีนกันไปเป็นส่วนใหญ่แล้ว

แต่เธอเป็นห่วงเกี่ยวกับผลพวงต่อกลุ่มเปราะบาง ที่รวมถึงผู้ที่มีภาวการณ์ภูมิคุ้มกันบกพร่อง ซึ่งอาจมีเกราะคุ้มครองที่บางครั้งอาจจะน้อยกว่าจจากการได้รับวัคซีนโควิด

ศาสตราจารย์ฮันเตอร์กล่าวว่า เขาไม่เห็นหลักฐานว่า XBB.1.5 มีความรุนแรงมากยิ่งกว่า ซึ่งแสดงว่าอาจจะไม่ “ทำให้ท่านจำเป็นต้องเข้ารับการรักษาตัวที่โรงหมอหรือฆ่าคุณ” มากกว่าสายพันธุ์โอมิครอนที่มีอยู่

“เกิดเรื่องน่าตลกที่ทุกคนมุ่งความสนใจไปที่สายพันธุ์ย่อยที่เป็นไปได้ว่าจะเกิดขึ้นจากจีน แต่ตามที่เป็นจริงแล้ว XBB.1.5 มาจากสหรัฐฯ” เขากล่าวเสริม

ศาสตราจารย์เดวิด เฮย์มันน์ จาก London School of Hygiene and Tropical Medicine ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยด้านสุขลักษณะรวมทั้งเวชศาสตร์เขตร้อนในลอนดอน เห็นด้วยว่ายังต้องอาศัยเวลาอีกพอเหมาะพอควรที่จะศึกษาเกี่ยวกับสายพันธุ์ย่อยตัวปัจจุบันนี้

แต่ว่าเขาบอกว่าไม่น่าจะทำให้เกิดปัญหาใหญ่ในประเทศอย่างอังกฤษ ซึ่งมีการฉีดวัคซีนในชั้นสูงแล้วก็การติดเชื้อของประชากรมาก่อนหน้านี้

ความรู้สึกไม่สบายใจของเขาคือประเทศต่างๆดังเช่นว่า จีน ซึ่งมีทั้งจำนวนคนรับวัคซีนที่น้อยและภูมิต้านทานตามธรรมชาติยังไม่มากพอ อันสืบเนื่องมาจากการปิดประเทศที่ไม่จบสิ้น

“จีนจะต้องแบ่งปันข้อมูลทางคลินิกเกี่ยวกับคนที่ติดเชื้อเพื่อดูว่าโควิดสายพันธุ์ย่อยเหล่านี้มีความประพฤติอย่างไรในกลุ่มประชากรที่ไม่มีภูมิต้านทาน” ศ.จ.เฮย์มันน์กล่าว

1 ความปลอดภัยไซเบอร์

เจาะลึกความท้าทายใหม่ด้านความปลอดภัยไซเบอร์ปี 2023 ที่องค์กรต้องรู้

Trend Micro เปิดความท้าทายด้าน ความปลอดภัยไซเบอร์ ปี 2023 พร้อมชี้ Cybersecurity จะเป็นกลจักรสำคัญ ขับเคลื่อนองค์กรในอนาคต

ในตอน 2 ปีที่ล่วงเลยไป กระบวนการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน (Digital Transformation) เติบโตอย่างรวดเร็วมากขึ้นเรื่อยๆ ธุรกิจ นำเทคโนโลยีเข้ามามีหน้าที่สำคัญ สำหรับในการช่วยปรับปรุงธุรกิจ ให้เติบโตแบบก้าวกระโดด รวมทั้งนำข้อมูล มาวิเคราะห์เพื่อผลักดันการตลาด รวมทั้ง รู้เรื่องลูกค้ามากขึ้น

เวลาที่ลักษณะการทำงานของคน ถูกเปลี่ยนไปเป็นแบบรีโมทเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ (Remote Working) นำมาซึ่งการทำให้ องค์กรทุกขนาด ต้องปรับตัววางแผนปฏิบัติงานผ่าน คลาวด์ (Cloud) มากเพิ่มขึ้น

นางสาวปิยธิดา ตันตระกูล ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท เทรนด์ไมโคร (ประเทศไทย) จำกัด พูดว่า จากข้อมูลของ Gartner ซึ่งเป็นบริษัทวิจัย รวมทั้ง วิเคราะห์ข้อมูลทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ชั้นแนวหน้าของโลก ระบุว่า ในปี 2025 องค์กรทั้งโลก จะใช้จ่ายกับคลาวด์มากขึ้น 20.4% ขณะที่ประเทศไทย เติบโตขึ้นถึง 36.6%

เมื่อส่วนประกอบเบื้องต้นเดินหน้าไปสู่การใช้คลาวด์ ทำให้ระบบ Security เข้ามามีบทบาทมากขึ้น เนื่องจาก องค์กรต่างจำต้องรักษาข้อมูล (Data) ซึ่ง เป็นหัวใจหลักของธุรกิจ ให้ปลอดภัย

“เพราะฉะนั้นองค์กรที่ย้ายไปใช้คลาวด์ จะต้องวางแผนและดึงเรื่อง Security เข้ามามีบทบาทมากขึ้น จะต้องวางรากฐานด้านความปลอดภัยไว้ตั้งแต่เริ่มต้น”

2 ความปลอดภัยไซเบอร์

เตรียมรับมือ ความท้าทายใหม่ ความปลอดภัยไซเบอร์ Security ในปี 2023

ปัจจุบันนี้การเปลี่ยนแปลงองค์กรสู่คลาวด์นั้น ยังมีความท้าทายจากพนักงานฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ ไม่ว่าจะเป็น การย้ายระบบต่าง ๆ จากเซิร์ฟเวอร์บริษัท (On Premise) ขึ้นไปใช้บนคลาวด์ การตั้งค่าต่าง ๆ บนคลาวด์ให้ Compile ตามมาตรฐานสากล GDPR ของสหภาพยุโรป และก็ PDPA ของไทย รวมถึงการเรียนรู้วัสดุ (Tools) ต่าง ๆ จากคลาวด์หลาย ๆ รายพร้อม เวลาเดียวกันยังต้องรับมือกับความท้าทายใหม่ ๆ ที่จะเกิดขึ้น ในปี 2023 ซึ่ง ทาง Trend Micro ได้คาดเดาไว้ ดังนี้

การนำ Tools ใหม่ ที่ไม่สอดคล้องต้องกันมาใช้ จะเกิดโทษต่อองค์กร – ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา เทคโนโลยีใหม่ ๆ ถูกนำเข้ามาใช้อย่างรวดเร็วทันใจ ระหว่างที่ ผู้บริหาร หรือ บุคลากร ยังไม่คุ้นเคยกับระบบต่าง ๆ ส่งผลให้ไม่มีความรู้ ด้านการบริหารข้อมูล

Ransomware จะจัดการยากขึ้น – การจู่โจมจะถูกแปลงจากการโจมตีที่จุดเดียว เป็นการจู่โจมแบบ Series หรือ กระจายกำลังจู่โจมหลายจุด ทำให้องค์กรจัดการได้ยากขึ้น รวมทั้ง การโจมตี จะไม่ใช่เพื่อความเพลิดเพลินอีกต่อไป แต่จะเป็นธุรกิจ หรือ ransomware-as-a-service ซึ่ง ถ้าเกิดประธาน แล้วก็ ผู้ใช้ไม่มีความรู้ จะถูกโจมตีได้ง่ายขึ้น

ขอบเขตขององค์กร (Enterprise Perimeter) คือ ทุกแห่ง – การจะเดินหน้าธุรกิจ องค์กรจำต้องรองรับการทำงาน แบบ Hybrid ซึ่ง การวางรากฐานให้ดำเนินการจากที่ใดก็ได้นั้น จะมีความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆในอนาคต เวลาเดียวกันจำเป็นที่จะต้องปกป้องการจู่โจม ที่เกิดจากการทำงานแบบรีโมท ด้วยเช่นเดียวกัน

ภัยคุกคามทางด้านสังคม (Social Engineering) จะปรับปรุงอย่างไม่หยุดยั้ง – การโกงบนเครือข่ายสังคม มีการปรับปรุงมากยิ่งขึ้น ในปีที่ผ่านมานั้นมีทั้งการส่งข้อความ โทรศัพท์มาปลอมตัว ว่าเป็นคนรู้จัก ซึ่ง คนเหล่านี้ได้มอนิเตอร์พฤติกรรม และ เลือกหลอกเงิน ในจำนวนที่สามารถให้ได้ ซึ่งภัยรุกรามรูปแบบนี้ Trend Micro ได้คอยเตือนผู้ใช้อยู่ตลอด ในระยะเวลา 3 ปี ก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา

ช่องโหว่ (Vulnerabilities) จากโปรแกรม จะกลายเป็นเป้าโจมตี – การย้ายข้อมูลต่าง ๆ ขึ้นสู่คลาวด์ หลายองค์กรชอบเลือกใช้โปรแกรม ที่เป็น Open – source มากขึ้น โดยมิได้นึกถึงความปลอดภัย จากช่องโหว่ของโปรแกรม

โรงงานอุตสาหกรรม (Industrial) จะกลายเป็นเป้าเยอะขึ้น – อุตสาหกรรมในสมัย 4.0 นั้น ใช้ระบบออโตเมชัน และ ระบบอินเทอร์เน็ต เข้ามาควบคุมการทำงานเป็นหลัก การทำงานในโรงงาน ก็เลยไม่ใช่ระบบปิดอีกต่อไป สามารถถูกจู่โจมจนถึงสายการสร้างหยุดปฏิบัติงานได้เช่นเดียวกัน จากเทรนด์ดังที่กล่าวมาแล้ว จะมีความคิดเห็นว่า

Cybersecurity เข้ามามีบทบาทเพิ่มมากขึ้น ทำให้เกิดความโล่งใสสำหรับเพื่อการทำธุรกิจ และ ยังสามารถพินิจพิจารณา คาดการณ์ ว่าองค์กรจะต้องจัดการกับอะไรที่อยู่ในอนาคต รวมทั้ง จะป้องกันตัวเองอย่างไร

3 ความปลอดภัยไซเบอร์

Cybersecurity ขับเคลื่อนผ่าน People, Process แล้วก็ Technology

จากความท้าทายใหม่ ความปลอดภัยไซเบอร์ หรือ Security ในปี 2023 องค์กรต้องรับมืออย่างเลี่ยงไม่ได้ เนื่องจากการขับเคลื่อนองค์กร ด้วยข้อมูลนั้น ขยายตัวมากเพิ่มขึ้น ตั้งแต่การวิเคราะห์ ทั้งผลประกอบการ กลยุทธ์ และก็ เมื่อข้อมูลเป็นขุมเงินขุมทองที่สำคัญ ขององค์กร ถ้าหากว่าถูกโจมตี กระทั่งเสียหาย จะทำให้ลูกค้าขาดความเชื่อมั่น ขณะเดียวกันคู่ต่อสู้ก็บางครั้งก็อาจจะใช้โอกาสนี้ สำหรับการจัดแคมเปญเพื่อเอาชนะในทางธุรกิจ

ฉะนั้น องค์กรจึงจำต้องให้ความเอาใจใส่กับ 3 ส่วน ดังต่อไปนี้

People – เพราะว่า สาเหตุของการถูกโจมตีส่วนใหญ่นั้น มาจากการขาดความรู้ แล้วก็ ลักษณะการโจมตี มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา องค์กรควรให้ความใส่ใจกับการผลิต ความตระหนักรู้ ด้าน Cybersecurity กับบุคลากร อย่างตลอด เพื่อ สร้างความมั่นคงให้กับองค์กร ในระยะยาว

Process – ปรับกระบวนการทำงาน เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ด้วยเทคโนโลยี เพื่อไปสู่วัตถุประสงค์องค์กร ตอนนี้คนทำงานได้จากทุกๆที่ องค์กรจำเป็นจะต้องพร้อมสำหรับการจัดเตรียมอุปกรณ์ ให้ทุกคนสามารถเชื่อมต่อการทำงานได้ แปลงระบบ Manual ต่าง ๆ ให้เป็น Automation มากยิ่งขึ้น เพื่อความรวดเร็ว แล้วก็ ลดความยุ่งยาก ของการเดินเอกสาร

Technology – วางส่วนประกอบเบื้องต้นทางเทคโนโลยี ให้มีความพร้อมเพรียง ด้านการดูแลและรักษาความปลอดภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งองค์กรที่ย้ายข้อมูลขึ้นเขาคลาวด์ จำเป็นต้องสร้างความแข็งแรง เลือกพาร์ทเนอร์ที่เข้ามาช่วยเหลือเทคโนโลยีด้านความปลอดภัย ที่มีทิศทาง การพัฒนาเทคโนโลยีในอนาคต สามารถเปิด API รองรับกับคลาวด์ต่าง ๆ ได้ รวมทั้งการมีกลุ่มสนับสนุนที่แข็งแรง

Cybersecurity Platform หัวใจหลัก ที่ตอบโจทย์ลูกค้า Trend Micro

อย่างไรก็ตาม Trend Micro มีเป้าหมายชัดเจนในการสร้าง Cybersecurity Platform ผ่านการร่วมเป็นพาร์ทเนอร์กับลูกค้า มากยิ่งกว่าแค่ขายโซลูชัน เพราะต้องการบูรณาการ องค์ประกอบเบื้องต้นของลูกค้าทั้งระบบ ให้มีความโล่งใส สามารถตรวจสอบภัยคุกคาม เพื่อคุ้มครองเชิงรุกได้ (Threat Hunting) รวมถึงการตอบกลับต่อภัยรุกรามอย่างทันท่วงที (Incident Response) ซึ่ง เป็นข้อดีของผลิตภัณฑ์

ด้านการให้ความรู้ บริษัทดีไซน์เทรนนิ่ง ให้กับลูกค้า โดยแบ่งเป็นหลักสูตรสำหรับ C Level , Operation, IT และก็ End User แยกจากกัน เพราะ ต้นแบบการถูกจู่โจมของบุคลากรแต่ละระดับนั้น แตกต่างกัน ถ้าหากผู้ใช้เพียงผู้เดียวในบริษัทที่ไม่มีความรู้ หรือไม่ตระหนักถึงความปลอดภัย ก็อาจจะส่งผลให้องค์กรถูกโจมตีกระทั่งเสียหายทั้งบริษัทได้

ช่วงเวลาเดียวกัน Trend Micro มีผู้สนับสนุนสุดยอด ทั้ง AWS, Google และ Microsoft รวมทั้ง สิ่งจำเป็นในที่สุดคือ Trend Micro มีกลุ่มเกื้อหนุนที่แข็งแรง มีผู้ที่มีความรู้ความเข้าใจ ความชำนาญด้าน Cybersecurity ในประเทศไทย และผ่านการดูแลลูกค้าคนไทยมามากกว่า 18 ปี

ทั้งในอุตสาหกรรมโทรคมนาคม แบงค์ รวมทั้งภาครัฐ ด้วยเหตุนี้ การมีรากฐานด้านความปลอดภัยที่มั่นคงแข็งแรง จะก่อให้องค์กรสามารถป้องกันข้อมูล ไม่ให้หลุดออกไปข้างนอก และก็ ยังช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นและมั่นใจต่อลูกค้า ที่เข้ามาใช้บริการได้อีกด้วย

รอวอไม่ขอเผด็จการ

ครูเสี้ยมเด็กบูลลี่ “ป๋าเปรม” ทำ “บิ๊กตู่” เดือด! ลั่นใช้ กม.เอาผิดทั้งหมด “เพจ 3 นิ้วเด็ก” อ้างเสรีภาพในห้องเรียน

ลามถึงนักเรียน! ครูเสี้ยมเด็กบูลลี่ “ป๋าเปรม” เหตุ “บิ๊กตู่” สั่งเฉียบใช้ กม.จัดการกับคนที่สร้างความแตกแยก เอาผิดทั้งหมด “เพจ 3 นิ้ว” อ้างเสรีภาพในห้องเรียน “ทูตนริศโรจน์” ชี้ “อคติ-มองมิติเดียว” ผิดจรรยาบรรณ “ครู”

จากกรณีเด็กนักเรียนถ่ายคลิปครูสาวโรงเรียนดังใน กทม.ขณะสอนวิชาสังคมศึกษาได้ใช้คำพูดในลักษณะด้อยค่า พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ อดีตประธานองคมนตรี ก่อให้เกิดเสียงวิจารณ์เป็นอย่างมากถึงความไม่เหมาะสม

วันที่ 22 ธันวาคม นายนพดล พรหมภาสิต เลขาธิการศูนย์ช่วยเหลือด้านกฎหมายผู้ถูกล่วงละเมิด bully ทางสังคมออนไลน์ (ศชอ.) โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก Nopadol Prompasit หลายครั้งเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว ใจความโดยรวมสรุปได้ว่า ได้เดินทางไปโรงเรียนดังกล่าว และเรียกร้องให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา กรุงเทพมหานครเขต 2 เร่งตรวจสอบเรื่องนี้โดยด่วน พร้อมบอกว่า นักเรียนที่ถ่ายคลิปคุณครูสาว bully ป๋าเปรม กำลังโดนข่มขู่คุกคามอย่างหนัก

“เหตุการณ์ในคลิป (ครูสาว bully ป๋าเปรมให้นักเรียนฟัง) เกิดขึ้นวันอังคารที่ 20 ธันวาคม ในวิชาสังคมศึกษา

จากการขุดประวัติครูสาวคนนี้ ยังมีพฤติกรรมที่จาบจ้วงสถาบันอยู่ตลอดเวลา ด้วยการใส่ชุดข้อมูลผิดๆ ใส่หัวเด็กนักเรียนมาแบบนี้ตลอด

“ช่วยกัน Save น้องนักเรียนที่ถ่ายคลิปครูสาว น้องมีความกล้าหาญมาก ที่ถ่ายคลิปนำออกเผยแพร่สู่สาธารณชน มิฉะนั้น สังคมจะไม่มีวันรู้เลยว่า ครูคนนี้ล้างสมองเด็กนักเรียนด้วยข้อมูลผิดๆ มานานมากแล้ว

“ได้โทร.คุยกับเด็กที่ถ่ายคลิป ตอนนี้น้องมีความกลัวมาก เพราะเด็กสามกีบในห้องที่เป็นบริวารครู ขู่จะมารุมทำร้ายน้อง” นายนพดล ระบุ

ขณะที่เพจเฟซบุ๊ก The METTAD ได้แชร์ข่าวครูสอนเด็กพาดพิงในเชิงบูลลี่ “ป๋าเปรม” พร้อมข้อความระบุว่า “ยับแน่ยับ น้องคนถ่ายคลิปกำลังโดนล่าแม่มด”

ก่อนหน้านี้ The METTAD โพสต์ข้อความว่า “ถ้าไม่ได้ พล.อ.เปรม ช่วยไว้ พวกมึงก็อดตายในป่า ไม่ก็ไปโดนชนกลุ่มน้อย สอยเอาแถวตะเข็บชายแดนนั่นล่ะ เขาให้โอกาสแล้วยังเนรคุณ”

บิ๊กตู่ สั่งใช้ กฎหมาย

บิ๊กตู่ สั่งใช้ กฎหมายจัดการกับคนที่สร้างความแตกแยก

เวลาเดียวกัน วันที่ 22 ธันวาคม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แล้วก็ รมว.กลาโหม กล่าวตอนหนึ่ง ระหว่างเป็นประธานการประชุม คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ครั้งที่ 12/2565 ว่า “ต่อไปนี้สิ่งใดก็ตามที่ทำให้เกิดความไม่สมัครสมานสามัคคี อะไรก็ตามที่ทำให้เกิดความแตกแยกหรือทำให้สังคมวุ่นวาย ทั้งหมดจะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายทั้งหมดทุกประการ ก็ไปสู้คดีกันเอาเอง ฉะนั้น ผมสั่งในฐานะที่ไม่ได้บังคับใคร สั่งให้ปฏิบัติตามกฎหมายทุกกรณีทั้งสิ้น ไม่ว่าการจะบูลลี่กันในโรงเรียน เอาคนเข้าไปในโรงเรียนหรือในสถานศึกษา ต่อไปนี้มีความผิดทั้งหมด ไปหากฎหมายดำเนินการให้ได้ทั้งหมด ทั้งผู้อำนวยการสถาบันการศึกษา ครู อาจารย์ ทั้งหมดโดนหมด ไม่เช่นนั้นไม่หยุด บ้านเมืองจะอยู่กันได้อย่างไร ถ้าเป็นแบบนี้ ทั้งหมดนี้คือความสุขให้กับคนบริสุทธิ์ คนที่เขาทำความดีไม่อยากมีความขัดแย้ง ฉะนั้น ไม่ยกเว้นใครทั้งสิ้น ไม่ว่าจะใครทั้งสิ้นถ้าทำเข้าคดี ผิดกฎหมาย ต้องดำเนินการทั้งหมดโดยทันที จะกี่คดีก็ต้องดำเนินการ อันนี้แจ้งเตือนไว้ก่อน สื่อโซเชียลโดนด้วยทั้งหมด”

ด้านเพจเฟซบุ๊กชื่อ Rw Democracy รอวอไม่ขอเผด็จการ แนวร่วมม็อบสามนิ้ว โพสต์แถลงการณ์จากรอวอไม่ขอเผด็จการ (กลุ่มนักเรียนโรงเรียนฤทธิยะวรรณาลัย) เรื่อง ห้องเรียนควรเป็นพื้นที่ปลอดภัย ระบุว่า สืบเนื่องจากเหตุการณ์ที่มีการนำเสนอข่าวครูในโรงเรียนฤทธิยะวรรณาลัย ว่า มีการปลูกฝังบิดเบือนให้ร้ายต่อบุคคลสำคัญของไทย ทางรอวอไม่ขอเผด็จการเห็นว่า การนำเสนอข่าวดังกล่าวทำให้เกิดปรากฏการณ์ล่าแม่มดในวงกว้าง และส่งผลต่อความปลอดภัยของคุณครูผู้สอน

รอวอไม่ขอเผด็จการเห็นว่า การจัดการเรียนการสอนในห้องเรียน ควรเป็นพื้นที่ปลอดภัยสำหรับการพูดคุยถกเถียงในประเด็นต่างๆ รวมไปถึงประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการเมือง แต่หากบรรยากาศในห้องเรียนเต็มไปด้วยความหวาดระแวง ก็จะส่งผลให้การเรียนการสอนในห้องเรียนเป็นไปอย่างไร้ประสิทธิภาพ

ดังนั้น ทางรอวอไม่ขอเผด็จการจึงขอเรียกร้องให้พื้นที่ในห้องเรียนเป็นพื้นที่ปลอดภัยในการจัดการเรียนการสอน เพื่อเปิดกว้างต่อความคิดเห็นที่แตกต่างหลากหลายในห้องเรียน และเป็นพื้นที่ที่เอื้อให้เกิดความงอกงามทางสติปัญญาของเยาวชนในสังคม

นายนริศโรจน์ เฟื่องระบิล

ด้าน นายนริศโรจน์ เฟื่องระบิล อดีตเอกอัครราชทูตไทยในกรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก Fuangrabil Narisroj ว่า

การ bully คนอื่น โดยเฉพาะคนที่เคยทำประโยชน์ให้แผ่นดิน ไม่สมควรเกิดในพื้นที่ ที่อ้างว่าเป็น safe zone เพราะเหตุว่านั่นเท่ากับการเสี้ยมให้เด็กหัด bully บุคคลอื่นถึงในห้องเรียน อย่าเบี่ยงประเด็น !!!!

คุณครูที่ bully พลเอก เปรม ไม่ได้มองคุณประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่ พลเอก เปรม ทำไว้กับแผ่นดินนี้เลย !

พฤติกรรมการเสี้ยมเด็กด้วยมุมมอง ที่เต็มไปด้วยอคติ และก็เป็นมิติด้านเดียวของตนเองเช่นนี้ ผิดจริยธรรม และจรรยาบรรณ ของการเป็น “ครู” อย่างยิ่ง !!!

แน่นอน, ประเด็นที่น่าสนใจ ก็คือ การทำ “สงครามทางความคิด” เพื่อเปลี่ยนแปลงทางด้านการเมือง ของคนบางกลุ่ม กำลังรุกคืบเข้าไปในโรงเรียน อย่างชัดเจน

โดยเฉพาะอย่างยิ่งสงครามทางความคิด ที่นำไปสู่ การต่อต้านสถาบันหลัก ของประเทศ บุคคลสำคัญ ของประเทศ แล้วก็ขนบธรรมเนียม วัฒนธรรม ประเพณี ของประเทศ สร้างความขัดแย้ง ระหว่างความคิดแบบเก่า กับความคิดแบบใหม่ บนพื้นฐาน ที่คนส่วนใหญ่ ของประเทศ ยังเชื่อมั่น ในความดีงาม และไม่ต้องการเปลี่ยนแปลง

ฉะนั้น จึงเท่ากับ เป็นการสร้างความขัดแย้งแตกแยก โดยปริยาย ที่สำคัญ การเน้นกลุ่มเป้าหมาย ที่ยังเป็นเด็ก ยังเท่ากับเป็นการ “ล้างสมอง” ดีๆ นี่เอง เพราะว่าเด็กย่อมไม่มีภูมิคุ้มกัน ทางความคิด และทางด้านการเมืองในระดับประเทศเลยแม้แต่น้อย

ทางที่ดี ถ้าเกิดจะใช้พื้นที่ห้องเรียนเสริมสร้างระบบประชาธิปไตย แล้วก็อิสรภาพทางความคิด ควรจะหาประเด็น ที่เหมาะกับวัยและความคิดอ่านจะดีหรือไม่

หรือหวังผลเร่งด่วนอะไร ที่แทบไม่สนใจว่า ผลกระทบ ที่เกิดกับเด็ก จะเป็นยังไง สร้างความเสียหายมากแค่ไหน ขอเพียงให้ได้ประโยชน์เฉพาะหน้า และผลประโยชน์ทางการเมือง ก็พอแล้ว!?

1 แมทธิว ดีน

“แมทธิว ดีน” ไม่รู้จะสอนยังไง! “น้องเดมี่” หยิก “ใหม่ ดาวิกา” ด้าน “ลีเดีย” น้อยใจ ถูกด่าไม่สอนลูก

“แมทธิว ดีน” เผย “น้องเดมี่” หยุม “ใหม่ ดาวิกา” หลายรอบ งานแรกก็เอาเลย สร้างตำนาน กลายเป็นมีมไปทั่ว รับถูกคนว่ากล่าวไม่สอนลูก จนกระทั่ง “ลีเดีย” รู้สึกน้อยใจ แต่ยันสอนลูกไม่ให้ทำร้ายใคร ส่วนที่หยิกใหม่ เจ้าตัวคงจะคาดว่าเป็นไฝเพียงแค่นั้น ลั่นตัวจริงแสบมาก

เป็นทั้งตำนาน และก็ กลายเป็นมีม สำหรับกรณีที่ “น้องเดมี่” ลูกสาว “แมทธิว – ลีเดีย ศรัณย์รัชต์ ดีน” เอื้อมมือไปหยิก “ใหม่ ดาวิกา โฮร์เน่”

รวมทั้ง ขี่คอ “ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก ลือวิเศษไพบูลย์” แม้จะกลายเป็น ภาพฮา ๆ ทั่วโซเชียล

แต่ก็มีคนเข้าไปต่อว่าต่อขาน พ่อ แม่ ว่าเพราะเหตุใดไม่สอนลูก งานนี้ชายหนุ่มแมทธิว เลยขออธิบาย ในงาน ThaiHealth Watch 2023 สังคมปรับ ชีวิตเปลี่ยน ที่จะมาร่วมแบ่งปันประสบการณ์การ สำหรับการเลิกยาสูบ

2 แมทธิว ดีน

แมทธิว ดีน กล่าวว่า เราก็เปิดภาพให้เขามอง แต่เขาคงจะจำไม่ได้เลยด้วย

“เป็นประเด็นที่ไม่น่าเชื่อ ว่าจะเป็นเรื่องเป็นราวได้ ผมมาเห็นภาพทีหลังแล้ว ว่าเดมี่ทำอะไรลงไป หยุมพี่ใหม่ แล้วหลายรอบเลยด้วย ในเหตุการณ์คือ ผมอุ้มเดมี่อยู่ แล้วใหม่ก็อยู่ใกล้ ๆ ตอนนั้นก็เห็นว่า เหมือนมีอะไรเคลื่อนไหว แต่เราถ่ายรูปอยู่ ก็ยิ้มสู้กล้องไว้ก่อน เดมี่ก็ขยับเยอะ ใหม่ก็ขยับ เลยหันไปมอง ก็บอก เดมี่ใจเย็น ๆ งานแรกก็เอาเลย สร้างตำนาน แต่ผมก็เข้าใจว่า หยิกไฝ

เพราะก่อนหน้านั้นเขาก็หยิกคอผม ที่มันน่าจะมีไฝ หรือ มีอะไรอยู่ แล้วใหม่ก็บอก เขาเองก็มีไฝอยู่ตรงนั้น เลยคิดว่าน่าจะใช่ คงไม่ได้หมั่นขนาดนั้นหรอก

เด็กยังโตไม่พอ ที่จะเข้าใจอารมณ์ตรงนั้น น่าจะเป็นการหยิกไฝใหม่ ฟีลแบบว่า อยากจะหยิกออกให้ อาจจะคิดว่าเป็นสติ๊กเกอร์รึเปล่า เขาอยู่ในวัยสงสัย เห็นใครมีรอยข่วนที่มือ ก็จะสงสัยว่าเป็นอะไรเหรอ ทำไมต้องเป็นอย่างนี้ เขาจะตามจะสงสัย

ซึ่งผมเองก็ได้เปิดภาพให้เขาได้ดู แต่เขาก็จำไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ว่าทำอะไรไป เพราะมันผ่านไปแล้ว ก็คุย ๆ กัน ถามเขาว่าวันนั้น เดมี่ หยิก พี่ใหม่ เหรอ เขาก็จะตอบกวน ๆ ตามสไตล์ เดมี่หยิกพี่ใหม่ ส่วนเรื่องแซวลูก ว่าหยิกพี่ใหม่เพราะสวยกว่า แซวเล่นกันในครอบครัว เดียเขาก็คุยกับใหม่อยู่ ใหม่เป็นคนบอกเองว่าน่าจะเป็นไฝ” รับถูกติเตียนเหมือนกัน ว่าไม่สอนลูก ปล่อยให้หยิก คนอื่น ไปทั่ว ยันสอนลูกตลอด ไม่ให้รังแกใคร

“ส่วนที่เขาเพิ่งไปฉีดยามา อันนี้เป็นอีกเรื่องนึง ที่ฮาเหมือนกัน ถ้าได้ดูวิดีโอ จะเห็นใหม่ทำหน้า… แต่ก็ขอสู้ก่อน สักพักเริ่มเจ็บแล้ว เดมี่ก็ตลก เด็กวัยนี้ทำอะไรแปลก ๆ เยอะ ทำอะไรก็น่ารักครับ แต่ถ้าโตกว่านี้ ก็อาจจะไม่น่ารักแล้ว อาจจะมองว่าเด็กคนนี้มันยังไง ก็มีคนแซวเหมือนกัน ว่าทำไมไม่สอนลูก ปล่อยให้ไปหยิกคนอื่น เขาเป็นเด็กแหละ ไม่ได้ทำแรงขนาดนั้น

คือ ส่วนตัวผมคิดว่า เขาอาจจะแค่รู้สึกเจ็บ ตรงที่เขาไปฉีดวัคซีนมา เขาคงจะพยายามดึงออก เพราะคิดว่ามันเป็นสติ๊กเกอร์

คอมเมนต์อีกมุมก็มีบ้าง ไม่เยอะ ไม่รู้จะสอนยังไงครับ มันเป็นเรื่องที่เราคาดไม่ถึงจริง ๆ ว่าคนจะคิดไปในแนวนั้นได้ เราไม่ได้คิดแบบนั้น

แต่ก็เข้าใจว่า บางคนอาจจะเป็นแฟนคลับของใหม่ อาจจะไม่อยากให้ เดมี่ ไปทำพี่ใหม่เจ็บ ก็บอกตรง ๆ นะ แน่นอนเลยว่าลูกเราทั้งสองคน เราสอนแน่นอนว่า ไม่ให้เขาไปทำร้ายใคร แม้แต่สัตว์ เราก็ไม่ให้เขาทำ ตีแมงมุม ตีแมลงสาบ เราก็ไม่ให้ทำ

เราสอนให้เขาเคารพชีวิตคนอื่น รวมไปถึงสัตว์ด้วย เดมี่ คงไม่ได้อยากจะทำให้ใหม่เจ็บหรอก บางคนอาจจะพิมพ์แหย่มาเล่น ๆ ให้เรามีรีแอ็คชั่นกลับไป ก็ได้สนใจ แต่เดียจะรู้สึกมากกว่าผม เขาก็มาคุย ว่ามันมีคนคิดแบบนี้นะ ทำไมเขาต้องพูดอย่างนี้ ผมก็บอกไม่เป็นไร มันเป็นส่วนน้อย ไม่เป็นไรหรอก 99% คนเข้าใจ ว่า เดมี่ เล่น เขาก็จะน้อยใจ ว่าทำไมมาว่าเดมี่”

ยันติว เดมี่ ก่อนออกงานแล้วนะ

“นี่ก็ติวเข้มก่อนออกมาแล้ว(หัวเราะ) เดมี่ อยู่ดี ๆ นะ อย่าไปวิ่งเล่น ซน ไปยกกระโปรงที่ไหน ไม่ได้นะ ต้องอยู่ในความสำรวม เราเป็นผู้หญิง แต่ก็อย่างว่าครับเด็ก มันก็มีอะไรที่เราคาดไม่ถึง เดมี่ เคยเจอใหม่น่าจะประมาณ 3 ปี ก็แซวกัน น่ารักดี แล้วใหม่นี่เป็นเฟิร์สคิส ของดีแลนเลยนะ สมัยนั้นยังไม่มี โควิด-19 ก็ทักทายกัน จุ๊บนิดนึง น่าอิจฉา”

ขำ ๆ สร้างตำนาน ขี่คอใบเฟิร์น พิมพ์ชนก บอกลูกชอบผู้หญิงงาม

“น่าจะเป็นวันที่เราไปถ่ายงานที่สตูดิโอใกล้ ๆ กัน แล้วรู้จักกับทีมงานของใบเฟิร์นอยู่แล้ว ก็เลยแวะไปเดินเล่น เที่ยว และ ถ่ายรูปกัน เดมี่ช่วงหลังเขาค่อนข้างเจอคนเยอะ เขาจะเฟรนด์ลี่พอสมควร ดีแลนจะขี้อาย เจอใครก็จะยิ้ม ๆ ไม่เล่นด้วย เดมี่ เขาชอบผู้หญิงสวย ๆ ชอบอะไรที่เป็นเพชร ๆ ประกาย ผู้หญิงนะ

เวลาไปงานมิสแกรนด์ ผมเป็นพิธีกร เขาก็จะอยู่หลังเวที แล้วเขายืนมองนางงามสวย ๆ ดีแลน คือวิ่งเล่นอย่างเดียวเลย ก็เข้าใจว่าผู้หญิงชอบอะไรแบบนี้ ทาเล็บ ทำผมสวย ๆ เขาจะชอบเวลาอยู่บ้านก็จะเล่นแตกต่างจากผู้ชายหน่อย ดีแลน จะเป็นรถ ไดโนเสาร์ เดมี่ จะรักสวยรักงาม อาจจะอยู่กับแม่เขาเยอะด้วย แม่เขาทำผิว ทำผม ทำหน้า เขาก็จะเป็นแบบนั้น ตลกดี”

3 แมทธิว ดีน

รับตัวจริงแสบมาก

“ส่วนที่มองว่ากลายเป็นตำนาน เข้าใจว่า หลายคนอาจจะเห็นในสื่อว่าเขาดูน่ารัก แต่เวลาอยู่บ้านเขากวนมาก แบบเป็นเด็กผู้หญิงนะ แสบอยู่ ไม่ธรรมดา (ลีเดีย บอกแสบกว่า ดีแลน 2 เท่า?) ดีแลน ว่ากวนแล้วนะ เดมี่ คือเป็นอีกแบบหนึ่ง กวนแบบหน้านิ่ง รู้ว่าทำอะไรก็ไม่ค่อยมีใครว่า ใครโกรธ เท่าไหร่

ด้วยความที่เป็นหญิงคนเดียวในบ้าน ก็จะยอม ๆ หน่อย ดีแลน ก็ตีจนร้องไห้แหละโดยไม่รู้ตัว คือเรียก ดีแลน พี่แหละ แต่ตีแรง ดีแลน ก็ไปร้องไห้ แต่ก็ไม่โกรธน้อง เวลาที่มีอะไรแบบนี้เกิดขึ้น เราก็ดูที่เจตนามากกว่า เราก็พยายามสอน ให้เขาขอโทษ และ ให้อภัยกัน

ถ้าถามว่าได้ใครมา ก็ไม่รู้ อะไรที่ไม่ดี มักจะมาอยู่ที่ผม แต่ เวลาน่ารักเป็นแม่ ตามสไตล์ สนุกครับช่วงนี้ จะพยายามหากิจกรรม รวมไปถึง ดีออน ที่ยังเด็กมาก ตอนนี้น่าจะ 2 เดือน เริ่มขยับตัวได้ คิ้วเริ่มขึ้นแล้ว

แต่จะเหนื่อยมากขึ้น ตรงที่ว่า 2 คนก็คือโตแล้ว ส่วนคนนี้ก็เล็กก็เลี้ยงแยกกัน บางทีออกไปทำงานเยอะ ก็กลัวเรื่องการเป็นหวัด แต่ 2 พี่เขาอยากจะมีส่วนร่วมมาก ชอบที่จะไปเลี้ยง ช่วยแต่งตัว อาบน้ำ เดมี่ ชอบเลยเป็นสไตล์เจ๊”

1 หมอโอ๋

เผยข้อมูล "หมอโอ๋" ทำธุรกิจร่วมกับน้องชาย "อั้ม ภูมิพัฒน์" หนึ่งบริษัท

MGR Online – เผยข้อมูลบริษัทที่ หมอโอ๋ เลี้ยงลูกนอกบ้าน เป็นกรรมการร่วมกับน้องชาย อั้ม ภูมิพัฒน์ สามี แยม ธมลพรรณ์ ที่ถูกดำเนินคดีฟอกเงินเอี่ยวเว็บพนัน – หนังเอวี

หลังเจ้าตัวอ้างถึงว่า ไม่ทราบเรื่องธุรกิจ และ ไม่ใช่เรื่องของตน เจอเป็นที่ตั้ง คลีนิคเสริมความงาม เขต โยธินพัฒนา

วันนี้ (18 เดือนธันวาคม) จากกรณีที่ตำรวจกองปราบปราม สนธิกำลังศูนย์ปราบปรามอาชญากรรม ทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (ศปอส.ตำรวจ) จับตัว นาย ภูมิพัฒน์ หรืออั้ม ประเสริฐวิทย์ อายุ 42 ปี นายเชษฐ์ชัย หงส์คำ อายุ 38 ปี และ น.ส.ธมลพรรณ์ หรือแยม ประเสริฐวิทย์ อายุ 40 ปี อดีตดารา ภรรยานายภูมิพัฒน์ ที่ที่พัก

หลังสืบรู้ดีว่า เป็นเครือข่าย ลักลอบเปิดเว็บไซต์พนันออนไลน์ ทายผลฟุตบอลโลก แล้วก็ คลิปลามกอนาจาร พบของกลาง รถซูเปอร์คาร์ รถจักรยานยนต์ นาฬิกาหรู กระเป๋าแบรนด์เนม คอมพิวเตอร์ 5 เครื่อง โทรศัพท์มือถือ 18 เครื่อง เงินสด 42 ล้านบาท ที่พักหรู รวมมูลค่า เงินทองกว่า 700 ล้านบาท

2 หมอโอ๋

ย้อนกลับมา “แยม ธมลพรรณ์” อดีตผู้แสดงสาว สินทรัพย์ 22 ล้าน ไหม้ที่เกาะกูด ถูกจับ พร้อมสามี คดีฟอกเงินเว็บไซต์พนัน

ถัดมา พญ.จิราภรณ์ อรุณากูร หรือ “หมอโอ๋” กุมารแพทย์เวชศาสตร์วัยรุ่น ภาควิชาแพทยศาสตร์รามาธิบดี

เจ้าของเพจชื่อดัง “เลี้ยงลูกนอกบ้าน” ซึ่ง เป็นพี่สาว นายภูมิพัฒน์ โพสต์เนื้อความชี้แจงว่า บ้านมีฐานะพอควร บิดาทำธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง มิได้ลำบากเรื่องการเงิน

น้องชายทำธุรกิจโทรศัพท์มือถือ มีรายได้มาตั้งแต่อายุน้อย ๆ รู้ดีว่าน้องนำเงินไปร่วมหุ้น แล้วก็ เหรียญคริปโตฯ ในตอนเจริญก้าวหน้า

จนมีรายได้มาก อีกทั้ง ไม่ได้ทราบเรื่องเนื้อหาของงาน ที่ญาติแต่ละคนทำนัก ไม่ทราบเรื่องธุรกิจ ที่เป็นข่าว รับรองว่าตน แล้วก็ครอบครัว ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจที่เป็นข่าว และ ไม่ใช่เรื่องของตนเอง

“บ้านเราเป็นบ้านที่มีฐานะพอสมควร คุณพ่อทำธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง เราไม่ได้ลำบากเรื่องการเงิน น้องชายทำธุรกิจโทรศัพท์มือถือมีรายได้มาตั้งแต่อายุน้อยๆ ข้อมูลที่หมอทราบ น้องนำเงินไปลงหุ้นและเหรียญคริปโต ในช่วงรุ่งเรืองจนมีรายได้มาก

“บ้านเราเป็นพี่น้องที่สนิทกัน แต่พอเราโตกันเป็นผู้ใหญ่ ต่างคนต่างมีครอบครัวของตัวเอง เราไม่ได้ทราบเรื่องรายละเอียดของงานที่แต่ละคนทำนัก (และถ้าเรื่องนี้เป็นจริง น้องก็คงไม่ได้อยากให้รับรู้อะไรนัก)” พญ.จิราภรณ์ระบุ

3 หมอโอ๋

“หมอโอ๋ เลี้ยงลูกนอกบ้าน” ยันไม่รู้เรื่องธุรกิจสีเทาของน้องชาย

รายงานข่าวแจ้งว่า จากการค้นหาข้อมูลที่ได้มาจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ พบว่า พญ.จิราภรณ์ หรือแพทย์โอ๋ กับ นายภูมิพัฒน์ หรือ อั้ม ซึ่งเป็นน้องชาย มีชื่อกรรมการบริษัทด้วยกัน 1 แห่ง คือ บริษัท ดิอิมเม็จเมดิคอลเอสเทติก จำกัด ลงทะเบียนก่อตั้ง ตอนวันที่ 9 ส.ค. 2556 ทุนเพื่อการจดทะเบียน 3 ล้านบาท

เป้าประสงค์ ตอนลงบัญชี ประกอบกิจการประมูล เพื่อรับจ้างทำของ ตามจุดหมายทั้งหมด ให้แก่บุคคล คณะบุคคลนิติบุคคล ส่วนราชการ

เป้าหมายที่ส่งงบการเงินปีปัจจุบัน ให้บริการเสริมความสวยสดงดงาม ที่ตั้งที่ทำการ แห่งใหญ่ 249 ซอยโยธินพัฒนา แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร

มีกรรมการบริษัท 5 คน

ตัวอย่างเช่น นายภูมิพัฒน์ ประเสริฐวิทย์, นางจิราภรณ์ อรุณากูร, นางทิศณา ประพันธศิริ โรเซน, นายชาคริต ปิลันธนากร, นายปรัชญ์ พึ่งเจษฎา และนายกิดากร กิระนันทวัฒน์ กรรมการลงชื่อผูกพัน มีนายภูมิพัฒน์ ประเสริฐวิทย์, นายชาคริต ปิลันธนากร, นายปรัชญ์ พึ่งเจษฎา, นายกิดากร กิระนันทวัฒน์ สามในสี่คนลงนามร่วมกัน

และก็ ตีตราสำคัญ ของบริษัท ปีงบการเงิน 2564 มีทรัพย์สิน รวม 25,877,727.14 บาท หนี้รวม 15,744,807.68 บาท มีรายได้รวม 32,290,161.55 บาท รายการจ่ายรวม 29,821,131.72 บาท กำไรทั้งสิ้น 1,970,944.17 บาท

แล้วก็ จากการค้นหา ผู้ถือหุ้น บริษัท ดิอิมเม็จเมดิคอลเอสเทติก จำกัด เพิ่มเติมอีก พบว่าผู้ถือหุ้นใหญ่ คือ นายกิดากร กิระนันทวัฒน์ รองลงมาคือ นายปรัชญ์ พึ่งเจษฎา, นายชาคริต ปิลันธนากร และ มี นางจิราภรณ์ อรุณากูร กับนายภูมิพัฒน์ ประเสริฐวิทย์ เป็นผู้ถือหุ้นอันดับ 4 และ 5 โดยมีสัดส่วน เสมอกัน ส่วนนางทิศณา ประพันธศิริ โรเซน มีหุ้น ต่ำที่สุด

นอกเหนือจากนั้น ที่ตั้งที่ทำการแห่งใหญ่ ยังเป็นที่ตั้งเดียวกับ บริษัท กู๊ดไทม์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด จากการค้นหาพบว่า จดทะเบียนก่อตั้งตอนวันที่ 30 ม.ค. 2555 ทุนสำหรับจดทะเบียน 40 ล้านบาท

เป้าหมายตอนจดทะเบียน ประกอบกิจการ สถานศึกษา กวดวิชา โดยไม่ได้เป็นการสอนในเวลาปกติ จุดประสงค์ที่ส่งงบการเงินปีล่าสุด ให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ ให้บริการสาธารณูปโภค มีนางสาวอรอนงค์ ภู่เจริญ เป็นกรรมการบริษัท

อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบที่ตั้ง บริษัทเพิ่มเติมอีก พบว่า เป็นที่ตั้งของ แผนการทเวนตี้โฟร์เฮ้าส์ (24 House) ปากซอยโยธินพัฒนา ถนนประดิษฐ์มนูธรรม (เลาะทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา) ตรงกันข้ามห้างขายเครื่องเรือนชิครีพับลิค

โดยพบว่า เป็นตึก 2 ชั้น ผู้เช่าส่วนมาก เป็นคลีนิคเสริมความงาม

โดยมีร้านสะดวกซื้อ เซเว่นอีเลฟเว่น อยู่ด้านล่าง หนึ่งในนั้น คือ คลีนิคเสริมความสวย ที่ชื่อว่า ดิ อิมเมจ เมดิคัล แอสเธติก เซ็นเตอร์ (The Image Medical Aesthetic Centre)

อากงจุน

“อากงจุน” ที่บริจาค มูลนิธิรามาฯ 900 ล. ติดอันดับมหาเศรษฐีใจบุญแห่งเอเชีย “เด็กก้าวไกล” จี้ ดีลจนลืม “ปชช.”

อาจมองไม่เห็น “Forbes” เป็น “สลิ่ม” หลังชมเชย “อากงจุน” ผู้จัดตั้ง ฮาตาริ ติดอันดับมหาเศรษฐี ใจดีแห่งทวีปเอเชีย นักประวัติศาสตร์ แนะจะต้องแก้ ม.112 เข้มขึ้น ไม่ใช่ให้เสื่อมลง “เด็กก้าวไกล” สุดทนนักลงคะแนนเสียง มัวแต่ดีลจนลืม ปชช.

น่าดึงดูดเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (14 เดือนธันวาคม 65) เพจเฟซบุ๊ก ผู้ช่วยศาสตราจารย์ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ โพสต์ภาพ พร้อมแชร์ CocoNews กล่าวว่า

“Forbes เชิดชู “อากงจุน” ผู้ก่อตั้งฮาตาริ ติดอันดับมหาเศรษฐีใจบุญแห่งเอเชีย

วารสาร Forbes ได้ประกาศทำเนียบรายนาม ฮีโร่ผู้ใจดีแห่งทวีปเอเชีย Asia’s 2022 Heroes of Philanthropy ครั้งที่ 16 โดยได้จัดอันดับมหาเศรษฐีผู้ใจบุญทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ที่ได้อุทิศเงินทองส่วนตัวช่วยเหลือการกุศล ทั้งในด้านการศึกษา ด้านสภาพแวดล้อม และ ด้านสังคม

โดยในปีนี้ มี 1 คนไทยติดอันดับด้วย ซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหนเป็น “อากงจุน” นายจุน วนวิทย์ ผู้จัดตั้งบริษัทพัดลม ฮาตาริ นั่นเอง

โดยในปีนี้ รายชื่อผู้ที่ได้รับเลือกมีทั้งสิ้น 15 คน เป็นต้นว่า Melanie Perkins แล้วก็ Cliff Obrecht ผู้ร่วมตั้งแอปฯ มีชื่ออย่าง Canva ที่ลงชื่อในพันธสัญญาว่า จะบริจาคเงินที่ได้จากแอปฯ เพื่อช่วยเหลือองค์กรการบุญต่าง ๆ

และยังมี ฮิโรชิ มิกิตานิ ผู้จัดตั้ง แล้วก็ ซีอีโอ ของแพลตฟอร์มชอปปิ้งออนไลน์ Rakuten ที่บริจาคเงินบริจาคองค์กร ที่สนับสนุนด้านมนุษยธรรม เป็นปริมาณมากมายก่ายกอง

ในเวลาที่ อากงจุน ก็ได้รับการเลือกเฟ้น จากเรื่องราว เมื่อ เดือนสิงหาคม ก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา หลังครอบครัว วนวิทย์ ได้บริจาคเงินส่วนตัว กว่า 900 ล้านบาท ให้กับมูลนิธิรามาธิบดี

โดยทางมูลนิธิฯ ได้ออกมาขอบคุณ แล้วก็ ยังเผยอีกว่า อากงจุน และ ครอบครัว บริจาคเงินสมทบทุน โครงงานต่าง ๆ ตั้งแต่แมื่อปี 2551 จนถึงปัจจุบันนี้ เป็นยอดเงินช่วยเหลือ รวมทั้งสิ้น 1,317,397,000 บาท

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2565 เว็บสถาบันแนวทางไทย โพสต์ใจความสำคัญสามนิ้ว วิตกจริต!? เสือกไส “ฮาตาริ” อยู่ฝั่งตรงข้ามทางการเมือง เพียงแค่เนื่องจากว่า บริจาคเงิน 900 ล้าน ให้มูลนิธิรามาธิบดีฯ โดย XXPiYaXX

เรื่องราวกล่าวว่า สืบไปจากกรณี นายจุน วนวิทย์ หรือ อากงจุน ผู้ก่อตั้งฮาตาริ รวมทั้ง ครอบครัว ได้ร่วมบริจาคเงิน 900,000,000 บาท แก่มูลนิธิรามาธิบดีฯ โดยมี ศาสตราจารย์ นายแพทย์ปิยะมิตร ศรีธรา คณบดี คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล พร้อมกับ รศ. ดร.พูลสุข เจนพานิชย์ วิสุทธิพันธ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนพยาบาลรามาธิบดี รวมทั้ง ผู้ช่วยศาสตราจารย์ แพทย์ภาวิทย์ เพียรวิจิตร รองคณบดีข้างติดต่อองค์กร เป็นผู้แทนร่วมรับมอบ

ซึ่งนับได้ว่าเป็นเรื่องราวดี ๆ ที่เกิดขึ้นในสังคมไทย ถูกแชร์ไปในโซเชียลจำนวนมาก ทำให้มีชาวเน็ตเข้ามาอนุโมทนา กับการบริจาคเงินจำนวนเป็นอันมากในคราวนี้ ซึ่งสามารถรักษา แล้วก็ ช่วยเหลือผู้คนได้อีกเยอะมาก

แต่แล้วดูเหมือน คนดีในสังคมต้องมีมารมาผจญ เมื่อมีกลุ่มของผู้คนบ้าการบ้านการเมืองฝั่งสามนิ้ว เริ่มเข้ามาจู่โจม นายจุน และ ครอบครัว ว่า เพราะอะไรจำต้องบริจาคให้กับมูลนิธิรามาธิบดีฯ ถึงขั้นผลักใส ให้อยู่อีกฝั่ง ในทางการบ้านการเมืองโดยทันที

โดยเพจสาธารณะ The METTAD ได้โพสต์ เรื่องดังที่ได้กล่าวผ่านมาแล้วซึ่งมีรายละเอียดว่า

“อากงจุน” ที่บริจาค มูลนิธิรามา

มีคนบริจาคให้มูลนิธิของโรงพยาบาล กระแสในเฟซมี 2 ทาง

– คนปกติ 1 อนุโมทนา ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์เป็นสิ่งดี คราวหน้าจะอุดหนุน
– คนปกติ 2 เพราะเหตุไรจำเป็นต้องผลักมูลนิธินี้เป็นสลิ่ม และ พิมพ์อะไรบ้าคลั่งอีกยาวยืด

ทำให้มีประชาชนมากมาย ต่างเกิดความไม่ถูกใจ ที่อุตสาหะผลักผู้ที่ช่วยเหลือสังคม ให้เลือกฝั่งทางการเมือง โดยมีรายละเอียดว่า

“ถ้าหาก Hatari บริจาคให้โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ มันคงจะเต้นหนักกว่านี้นะครับ”

“ก็มีแต่พวกสัตว์นรก 3 กีบ ที่เดือดดาลกับคนทำบุญ”

“คนไม่ปกติคือคนที่แยกแยะไม่ออก ว่า เงินบริจาคทำเพื่อใคร เพื่อประโยชน์อะไร ไม่ว่าแหล่งที่มาของเงินมาจากกลุ่มใครก็ตาม

ปล. ต่อให้กีบบริจาค คนปกติก็ควรร่วมอนุโมทนาบุญด้วยเช่นกัน”

“คนที่สอง น่าจะวิกลจริตนะ”

“ไอ้ปกติที่ 2 มันนร้อนๆ นะครับ”

“คนไม่ปกติ 3 เป็นพวกเห็นแก่ตัว เป็นพวกที่จะเอาแต่ประโยชน์เข้าตัวเองอย่างเดียว แถมอิจฉา เวลาคนอื่นทำประโยชน์ หรือทำเรื่องดีให้สังคม ต้องออกมาดิสเครดิตกัน”

ติดอันดับมหาเศรษฐีใจบุญ

ขณะเดียวกัน นาย เทพมนตรี ลิมปพยอม นักประวัติศาสตร์ โพสต์ใจความผ่านเฟซบุ๊ก Thepmontri Limpaphayorm ระบุว่า

“มาตรา 112 ต้องปรับปรุงแก้ไขเปลี่ยนแปลงให้เข้มข้นขึ้น ไม่ใช่แก้ไขให้เสื่อมทรามลง เพื่อเปิดประตูให้พวกรู้น้อยแต่พูดมากมาแสดงความเห็นจาบจ้วงล่วงละเมิดให้ร้าย ทุกวันนี้ เราก็เห็นคนพูดมากรู้น้อยเยอะแยะไปหมด หรือพวกมโน ดรามาก็เยอะ”

ที่น่าดึงดูดไม่แพ้กัน เพจเฟซบุ๊ก การบ้านการเมืองไทย ในกะลา แชร์ โพสต์เฟซบุ๊ก ของ จรยุทธ จตุรพรประสิทธิ์ ว่าที่ผู้สมัคร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเขตยานนาวา – บางคอแหลม พรรคก้าวไกล หัวข้อ ใกล้เลือกตั้ง มีแต่ข่าวดีลรัฐบาล ไม่มีเวลาทำงานให้ประชาชน

โดยกล่าวว่า เมื่อไทม์ไลน์การเลือกตั้งใกล้มาทุกที พร้อมกับกติกาหาร 100 ที่แจ่มกระจ่างแล้ว จึงถึงเทศกาลแห่งการ ดีลรายวัน สวนกับการทำงานให้ประชากร ที่ไม่จริงจังในช่วงเวลานี้

ยิ่งบรรดาพรรคเล็กมีความเห็นว่า อาจไม่รอด กับการเลือกตั้งลักษณะนี้ ก็เลยรีบควบรวมกันคึกคัก ส่วนพรรคใหญ่ ก็ช้อปกันบันเทิงใจ สะท้อนปัญหาคลาสิกชั่วกัลปวสานของการบ้านการเมืองไทย ที่พรรคการเมือง ยังไม่ใช่ตัวแทนของอุดมการณ์ แต่รูปแบบของสมการที่เปลี่ยนแปลงไปกับการได้มาซึ่งอำนาจ เป็นหลัก หรือ หากมีผลประโยชน์ลงตัวก็พร้อมไปกับทุกขั้ว โดยไม่สน ว่าก่อนหน้าเคยกล่าวกับพลเมืองไว้ว่าอย่างไร

หัวข้อนี้ว่าแย่แล้ว แต่ว่าก็ยังเป็นเรื่องเชิงส่วนประกอบที่จำเป็นต้องไขปัญหากันไป แต่ว่าเรื่องใหญ่กว่านั้น คือ ระหว่างการดีลกันวุ่นวายตอนนี้ ปัญหาของประชาชน ก็พลอยไม่ได้รับการปรับปรุงแก้ไขไปด้วย หมายถึงไม่เหลือสมาธิ จะทำงานบ้านงานเมืองกันแล้ว

ถ้าหากใครไม่เชื่อ ขอให้ลองไปเปิดโทรทัศน์หรือหนังสือพิมพ์ข่วงนี้ดู มีแต่ข่าวสารปัญหาด้านสังคมเต็มไปหมด ชีวิตชาวบ้านก็ทุกข์ยากลำบาก หาเลี้ยงชีพยากอย่างยิ่ง ยาม้าก็เยอะแยะ ฆ่ากันก็แยะ โรคระบาดก็กลับมา แต่ไม่มีใครคิดเอาใจใส่

ขนาดพื้นที่โดนอุทกภัยหนัก บ้านจมเป็นเดือน ๆ บางหลังก็ยังได้ชดเชยเพียงแค่หลักร้อย ดีหน่อยก็หลักพัน ทำงานกันเหมือนไม่มีรัฐบาล ในนาทีนี้

โดยเหตุนี้ ก่อนพ่อแม่พี่น้องจะทนทุกข์กันมากมายไปกว่านี้ ยังไงผมก็ขอฝากถึงรัฐมนตรีทุกคน หัวหน้าพรรค ทุกพรรค รวมทั้ง หัวหน้ามุ้งต่าง ๆ ในรัฐบาลชุดนี้สักหน่อยว่า จะดีลอะไรกันก็ทำไป แม้กระนั้นอย่าลืมตนเองว่าเป็นรัฐบาลอยู่ ยังมีบทบาทบริหารประเทศ ยังไงก็สละเวลามาทำงานกันบ้างนะครับ https://www.facebook.com/101372342567471/posts/180684211302950/

แน่ๆ, ใจความสำคัญที่น่าสนใจ ก็คือ กรณี “Forbes” ชื่นชม “อากงจุน” ผู้ก่อตั้งฮาตาริ ติดอันดับมหาเศรษฐีใจดีแห่งทวีปเอเชีย ที่สะท้อนให้เห็น “ความดี” ไม่มี “ขั้ว” ทางการเมือง และไม่มีข้าง หากแม้กระนั้นมีจิตใจเป็นบุญกุศล รวมทั้ง เห็นแก่สังคมสาธารณะมากยิ่งกว่าส่วนตัว

ความเป็นจริง ไม่เพียงแต่ “มหาเศรษฐี” ทั้งหลายสมควรเอาเป็นแบบอย่าง อย่างน้อยก็คืนผลกำไรให้สังคมบ้าง ที่กอบโกยไปแล้วเยอะแยะมหาศาล

แม้แม้กระนั้น “ติ่ง” ทางด้านการเมือง ก็ควรให้ “เครดิต” มากยิ่งกว่า เอามาแบ่งฝัก แบ่งฝ่าย ทางด้านการเมือง เพราะว่าไม่เช่นนั้น สังคมจะยิ่งอยู่ยาก และก็ ทางแคบลงไป จนแทบสร้างกำแพงกั้นเลยทีเดียว หรือไม่จริง!?

1 บิ๊กตู่

“บิ๊กตู่”ไปต่อไม่รอช้า ประกาศรวมไทยฯกลางเดือนนี้!?

การเมืองเริ่มเข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ “บิ๊กตู่” ไปต่อไม่รอช้า หลายพรรคเริ่มเคลื่อนไหวกันคึกคัก ทั้งการออกแนวนโยบายใหม่ เพื่อหาคะแนนเสียง รวมทั้ง การเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร รองรับการเลือกตั้งที่กำลังจะออกเดินทางมาถึง อย่างไรก็ดี นาทีนี้ผู้ที่ “คุมเกม” ก็ยังเป็น “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รวมทั้ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม อยู่ดี โดยยิ่งไปกว่านั้น อำนาจสำหรับเพื่อการ “ยุบสภา” ที่อยู่ในมือเต็มร้อย

ทำให้ปัจจุบันนี้ หลายฝ่ายกำลังจับจ้อง รวมทั้ง พินิจการเคลื่อนไหวของ พล.อ.ประยุทธ์ ว่าจะ “ลงมือ” เมื่อไร เนื่องจากว่าการยุบสภา ย่อมมีผลด้านการเมือง กับทุกพรรค รวมทั้ง ทุกกลุ่มการบ้านการเมืองเป็นลูกโซ่ ช่วงเวลาเดียวกัน การตัดสินใจของเขา ไม่ว่าจะออกมาในแบบยุบสภา หรือ ปลดปล่อยยาวจนถึงครบกำหนด มันก็ล้วนมีนัยยะด้านการเมืองทั้งสิ้น

แม้แยกโฟกัส พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ออกมา แน่นอนว่าทุกคนก็พอเดากันได้อยู่แล้วว่า เขาปรารถนาไปต่อ อีกสองปี โดยชอบด้วยกฎหมายที่เปิดทางเอาไว้ให้ รวมถึง รอดูว่า จะมีการเปิดตัวกับ พรรครวมไทยสร้างชาติ รวมทั้ง ยุบสภาเมื่อไร

ปัจจุบัน เมื่อเที่ยงวันที่ 12 ธ.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กล่าวก่อนออกเดินทางไปยังกรุงบรัสเซลส์ ราชอาณาจักรเบลเยียม เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอด อาเซียน – สหภาพยุโรป สมัยพิเศษ เพื่อฉลองวาระครบรอบ 45 ปี ความเกี่ยวพัน อาเซียน – สหภาพยุโรป (ASEAN – EU Commemorative Summit) ระหว่างวันที่ 12 – 15 ธ.ค. 2565

2 บิ๊กตู่

โดยเมื่อมาถึง “บิ๊กตู่” นายกรัฐมนตรีได้ทักสื่อมวลชนว่า อยู่กันดี ๆ นะ

แล้วให้สัมภาษณ์หลังผู้รายงานข่าวถาม มีความเป็นห่วงเป็นใยชาติบ้านเมืองอะไร หรือไม่ ระหว่างที่เดินทางไปเบลเยียม ว่า ไม่เป็นห่วงอะไรทั้งนั้น มีคนทำงานอยู่แล้ว เป็นการดำเนินการไปตามระบบ นายกรัฐมนตรี ไม่อยู่ ก็มีรักษาการแทน ส่วนงานเขาก็ทำกันอยู่ทุกวัน เนื่องจากว่า ระดับแนวนโยบาย นายกรัฐมนตรีได้ออกคำสั่งไปหมดแล้ว กรรมการแต่ละระดับ เขาก็ดำเนินการไป ความสำเร็จก็ตามมา

“ก็เป็นห่วงอย่างเดียวคือ เรื่องปัญหาความขัดแย้ง ลดๆกันเสียบ้าง เสนอข่าวอะไรก็เบาๆหน่อย สิทธิที่เขาจะพูดอะไรก็พูดได้ ไม่อย่างนั้นจะมีผลกับการทำงาน ในเวลานี้หลายอย่างจะต้องดำเนินการต่อ หนึ่ง สอง สาม ผ่านระยะที่ 1 ก็ต้องมีระยะที่ 2 ระยะที่ 3 ไปทำต่อ ถ้าพูดกันแล้วขัดแย้งกันไปทุกเรื่องจะไปได้อย่างไร วันเวลาที่เหลืออยู่ก็มีเวลาไม่มากนักหรอก ของรัฐบาลตามรัฐธรรมนูญ ทุกอย่างว่าไปตามนั้นหมด” พล.อ.ประยุทธ์ ระบุ

เมื่อถามถึงกรณีผลจากการสำรวจ นิด้าโพล ที่คะแนนเสียง พล.อ.ประยุทธ์ ลดลง นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ไม่เคยทราบโพล ใครทำก็ไม่เคยทราบ ใครทำ ใครตอบ ก็ไม่เคยทราบเช่นเดียวกัน ไม่มีผลอะไร พร้อมทำท่า ผายมือทั้งสองข้าง ผู้รายงานข่าวถามย้ำ ว่า ผลโพลจะส่งผลกระทบในการตัดสินใจ หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่มี

เมื่อถามคำถามว่า กลับมาจากต่างประเทศครั้งนี้ จะแสดงทีท่าด้านการเมืองที่กระจ่างแจ้ง ได้หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า “กลับมาค่อยว่ากัน”

คำว่า “กลับมาค่อยว่ากัน” ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ดังกล่าว ทำให้ถูกแปลความได้ว่า หลังจากสำเร็จการประชุมสุดยอดหัวหน้า อาเซียน – อียู หลังวันที่ 15 ธ.ค. ทุกอย่าง จะมีการประกาศความกระจ่างออกมา หรือไม่ รวมทั้ง เป็นการ ร่นเวลา เข้ามาให้เร็วขึ้นหรือไม่

เนื่องจากว่าแม้จำกันได้ ก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา เขาเคยตอบปัญหาว่า “หลังเอเปก ก็คือปีหน้า” ซึ่งอันที่จริงในขณะนั้น ก็น่าจะเป็นต้นปีนั่นแหละ กับการถูกเซ้าซี้ ถามเรื่องอนาคตด้านการเมือง แต่ อย่างไรก็ดี ก็ได้ความกระจ่างมาและก็เป็น “จะไปต่ออีกสองปี” กับพรรครวมไทยสร้างชาติ

เพียงแต่ว่า ยังมิได้ประกาศอย่างเป็นทางการ เนื่องจากว่าเชื่อว่าเป็นเรื่องของ “มารยาท” เนื่องจากว่าเขาได้รับการเสนอชื่อ เป็นนายกรัฐมนตรี จากพรรคพลังประชารัฐ โดยเหตุนั้น ทำให้การประกาศท่าทางด้านการเมืองใหม่ ก็เลยจำเป็นต้องทอดเวลา ออกไปก่อน

3 บิ๊กตู่

อย่างไรก็ดี เมื่อหลายพรรคการเมือง เริ่มมีการเคลื่อนไหว มีการเปิดนโยบายพรรค

รวมถึงการ “ย้ายพรรค” กันอย่างคึกคัก มันก็แปลงเป็น ตัวกระตุ้นให้เขาจำเป็นต้องย่นเวลาเปิดตัว สร้างความกระจ่างด้านการเมือง อย่างน้อย ก็เป็นการสร้างความแน่ใจ รวมทั้ง การตัดสินใจของบรรดาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร รวมทั้ง กลุ่มการบ้านการเมือง ได้ตัดสินใจ

อีกทั้งที่สำคัญยังมี “กลุ่มทุน” ที่จำเป็นต้องตัดสินใจด้วย เนื่องจากว่า แม้เคลื่อนไหวช้า หรือยังเงียบต่อไป อาจมีผลต่อการเตรียมการของพรรครวมไทยสร้างชาติที่ พล.อ.ประยุทธ์ ได้แย้มออกมาให้มองเห็นแล้ว แต่ ถึงอย่างไร มันก็ต้องมีความกระจ่าง

ก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา ถ้าหากตรวจบรรดาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร รวมทั้ง กลุ่มการบ้านการเมือง ที่ประกาศกระจ่างแจ้งว่าจะตาม “บิ๊กตู่” ไปอยู่พรรครวมไทยสร้างชาติ ก็มี กลุ่ม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรภาคใต้ ปริมาณหนึ่ง

มีรายนามแล้ว 3 – 4 คน กลุ่ม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร กลุ่มภาคกลาง ในสายของ นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ที่มาตามกระแส แต่ ยังเชื่อว่าหลังจากที่ พล.อ.ประยุทธ์ มีความกระจ่างแล้ว คงจะมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอีกหลายคนตามมาอีก

หากว่าหลายคนเห็นว่า บรรดาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ย้ายมาร่วมกับพรรครวมไทยสร้างชาติ ส่วนใหญ่จะมาจาก พรรคพลังประชารัฐ พรรคประชาธิปัตย์ ไม่ได้แตกต่างจาก “ตกปลาในบ่อเพื่อน” เป็นการหักคะแนนกันเองก็ตาม

แต่ ช่วงเวลาเดียวกัน อีกด้านหนึ่ง ยังประมาทมิได้ก็คือ “กระแส” ที่การบ้านการเมืองไทยยังแบ่งเป็น “สองขั้ว” อย่างเหนียวแน่น ระหว่าง “เอา ไม่เอา” ระบอบทักษิณ หลัก ๆจะเป็นแบบงี้ หากว่าอาจจะมีกลุ่มใหม่ที่เติบโตขึ้นมานั่นเป็น “กลุ่มคนรุ่นใหม่” แต่กลุ่มนี้ ก็หนุนพรรคก้าวไกล ที่ “ไม่เอาสถาบันฯ” เป็นหลักก็ตาม แต่ เมื่อประเมินแล้ว เชื่อว่ายังมิได้เติบโต ที่จะกระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดการเปลี่ยนแปลงได้ ในทางตรงกันข้าม กลับไป “บ่อนเซาะ” พรรคเพื่อไทยของเครือข่าย ทักษิณ เสียมากกว่า

ส่วนกลุ่มไม่เอาทักษิณ มองตามภาพรวม ๆ ก็เป็นพรรคร่วมรัฐบาลในตอนนี้

ที่พิจารณาตามรูปการณ์แล้ว จะมีพรรคภูมิใจไทย นำโดย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รวมทั้ง “กลุ่มบุรีรัมย์” ที่เด่นขึ้นมา มีโอกาสเบียดขึ้นมา เป็นนายกรัฐมนตรีหลังการเลือกตั้ง เนื่องจากว่า มีการรุกคืบไปทุกภูมิภาค โดยยิ่งไปกว่านั้นภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่เป็นจุดตัดสิน แต่นั่น เป็นเนื่องจากว่า “บิ๊กตู่” ยังไม่ขยับอย่างสุดกำลัง

โดยเหตุนั้นเมื่อมีการแย้มออกมาแล้วว่า หลังกลับจากยุโรป หลังวันที่15 ธ.ค. แล้ว เชื่อว่าจำเป็นต้องกระจ่างแจ้ง เนื่องจากว่าฝ่ายตรงข้าม เริ่มเปิดเกมรุก รวมทั้ง ขยับไปไกลแล้ว คงรอมิได้แล้ว

รวมทั้ง เมื่อจำเป็นต้องประกาศท่าทาง มันก็จำเป็นต้องตระเตรียม “ยุบสภา” เพื่อเปิดทางให้ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้ย้ายพรรคได้ทัน ซึ่งแม้เป็นแบบงี้ มันก็คงจะลงคะแนนเสียงกัน หลังปีใหม่ ราวต้นปี ดังที่เคยประกาศเอาไว้ก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา !!

1 ช้ำในตาย

เจ้าของบ้าน ซ้อมคนขโมยกัญชา ช้ำในตาย ตำรวจไม่จับ อ้างมีสิทธิ์ปกป้องทรัพย์สิน

ลุงย่อง ลักกัญชาเพื่อนบ้าน โดนกระทืบ ช้ำในตาย ตำรวจไม่ทำคดี อ้างเข้าไปลักขโมยของบ้านบุคคลอื่น เจ้าของบ้าน สามารถคุ้มครองเงินทองได้

(6 เดือนธันวาคม65) เมื่อเวลา 17.00 น. นางวรรณา อายุ 55 ปี ชาวบ้านพรเจริญ อ. วังสามหมอ จ. อุดรธานี พร้อมด้วยญาติ รวม 7 คนเข้าพบ พล.ต.ต.พิษณุ อุณหเสรี ผบก.ภ.จ.อุดรธานี เพื่อร้องขอความเป็นธรรม กรณี นายคำดี อายุ 49 ปี น้องชายเข้าไปลักขโมยกัญชา ของเพื่อนบ้าน ถูกเจ้าของบ้านจับได้ และก็ ตบตีจนได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก

2 ช้ำในตาย

นางวรรณา เล่าว่า เรื่องทั้งหมด เกิดขึ้นเมื่อระยะเวลาประมาณ 22.00 น. ของคืนวันที่ 15 พฤศจิกายน 2565

นายคำดี เป็นพ่อหม้าย มีลูกชายอายุ 18 ปี 1 คน อาศัยอยู่กระท่อมทุ่งนาของตัวเอง ตนยอมรับว่า นายคำดี เป็นคนเสพกัญชา ตั้งแต่วัยรุ่น ได้เข้าไปลักขโมยต้นกัญชา ของเพื่อนบ้านจริง และก็ ถูกเจ้าของบ้านจับได้ และก็ ถูกรุมทำร้ายร่างกาย ซึ่งนายคำดี พยายามที่จะคลานออกมาด้านนอกบ้าน แม้กระนั้น เจ้าของบ้านก็ตามมา กระทืบซ้ำหลายครั้ง จนกระทั่งนายคำดีนิ่งแน่ไป

ซึ่งหลังจากนั้น มีผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน และก็ ผู้ใหญ่บ้าน มาระงับเหตุ และก็ คุมตัวนายคำดี ไปที่ สถานีตำรวจภูธรวังสามหมอ โดนแจ้งข้อหาทะเลาะวิวาท และก็ จับนายคำดีติดคุกเป็นเวลา 1 คืน ก่อนจะเปรียบเทียบปรับ 500 บาท และก็ ปล่อยตัวในวันที่ 16 พฤศจิกายน

หลังจากถูกปล่อยตัว นายคำดี ได้กลับมาที่บ้าน หลังจากนั้น มาก็นอนซมอยู่ที่บ้าน มาตลอด ไม่ออกจากบ้าน เนื่องจากว่าร่างกายระบมอย่างหนัก และก็ กินข้าวปลาอาหารมิได้ อ้วกเป็นเลือด อุจจาระเป็นเลือด แม้กระนั้นญาติไม่รู้ เนื่องจากว่า นายคำดี มิได้ออกจากบ้าน จนตราบเท่า วันที่ 23 พฤศจิกายน มีเพื่อนบ้านมาบอกว่า นายคำดีอาการไม่ดี ญาติก็เลยพากันนำตัวส่งโรงพยาบาลวังสามหมอ นอนพักรักษาตัวอยู่ประมาณ 3 – 4 วัน

แล้วต่อจากนั้นก็กลับไปอยู่บ้านวันที่ 27 พฤศจิกายน เนื่องจากว่า นายคำดี ปฎิเสธการดูแลและรักษา ไม่อยากที่จะให้หมอ สอดสายยางให้อาหารทางจมูก ซึ่งขณะนั้นแพทย์มิได้รับข้อมูล ว่า นายคำดี ถูกทำร้ายร่างกายมา จนตราบเท่าเสียชีวิต ช่วงวันที่ 1 ธันวาคม และก็ กระทำฌาปนกิจวันที่ 2 ธันวาคม

หลังจาก นายคำดี เข้าไปลักขโมยกัญชา แล้วโดนเจ้าของบ้านซ้อม (ทำร้ายร่างกาย) กระทั่งบาดเจ็บอย่างหนัก และก็ ไปนอนรักษาตัวที่บ้าน เป็นเวลานานกว่า 2 สัปดาห์ ไม่อาจจะเดิน หรือ ทานอาหารได้ หลังแล้วต่อจากนั้นก็เสียชีวิต

แม้กระนั้นพอไปแจ้งตำรวจ กลับไม่ทำคดีให้ โดยอ้างถึงว่า นายคำดี เข้าไปลักขโมยของที่บ้านของบุคคลอื่น ด้วยเหตุนี้เจ้าของบ้าน ก็เลยสามารถคุ้มครองเงินทองของตัวเองได้

และก็ มีหลักฐานจากภาพวงจรปิด ช่วงเวลาที่ นายคำดี ไปลักขโมยกัญชาก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา ซึ่งพวกตนมีความรู้สึกว่าไม่ถูกต้อง เนื่องจากว่า นายคำดี ไม่เคยมีประวัติการเจ็บป่วยมาก่อน อีกทั้งหลังจากที่ถูกซ้อม (ทำร้ายร่างกาย) มา ก็เกิดอาการเจ็บป่วยไข้จนกระทั่งเสียชีวิต

ก่อนหน้าที่ผ่านมา พวกตนเคยไปพบคู่กรณีแล้ว แม้กระนั้นตกลงกันมิได้ ก็เลยไปพบตำรวจ เพื่อที่จะฟ้องร้องฟ้องร้องคดี กับคนประทุษร้าย นายคำดี ตำรวจก็บอกข่มขวัญข้างของตัวเอง จนกระทั่งนำมาซึ่งความกลัว และก็ ไม่กล้าที่จะฟ้องร้อง

3 ช้ำในตาย

จากเรื่อง เจ้าของบ้าน ซ้อมคนลักขโมยกัญชาจนกระทั่ง ช้ำในตาย

นางวรรณา ยังเล่าอีกว่า ตั้งแต่ถูกทำร้ายร่างกายจนกระทั่งบาดเจ็บ คู่พิพาท ไม่เคยมาเยี่ยม ถามไถ่ หรือ ไม่เคยมาช่วยเหลืออะไรเลย ตำรวจติดต่อไปเพื่อที่จะมาไกล่เกลี่ย ก็ไม่ยินยอมมา จนตราบเท่า นายคำดี เสียชีวิตไป

คู่พิพาทยังมีหน้ามาบอกว่า หากอยากได้เงินก็ไปฟ้องคดีเอา เพราะว่าจะฟ้องคดีกลับ ที่มาลักขโมยต้นกัญชา ราคาเป็นแสนด้วย ซึ่งหลังจากที่ นายคำดี เสียชีวิตแล้ว ได้พยายามที่จะไปติดต่อกับตำรวจ แม้กระนั้นตำรวจกลับพูดว่า พวกตนผิด

เพราะเหตุว่าไปลักขโมยในยามวิกาล ซึ่งขณะนั้น ตนเองก็ไม่รู้จะทำอย่างไร แม้กระนั้นก็ยอมรับว่าผู้ตายไปลักขโมยจริง และก็ ไม่มีแนวทางช่วยเหลือ อกน้อยใจตำรวจ

อ้างแต่เพียงว่า พวกตนผิดทุกอย่าง คนเสียชีวิตทั้งคน ซึ่งตำรวจก็ยังยืนยันว่าข้างตนผิด ซึ่งตนมีความรู้สึกว่า เพราะอะไรฆ่าคนตายทั้งคน กลับปราศจากความผิด เพราะอะไรตำรวจไม่ให้ความช่วยเหลือ ก็เลยมาร้องขอความยุติธรรม กับผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุดรธานี

ด้าน พล.ต.ต.พิษณู อุณหเสรี ผบก.ภ.จ.อดรธานี เปิดเผยว่า พร้อมให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย ซึ่งตอนนี้ เพิ่งได้รับฟังฝ่ายเดียว แม้กระนั้นจากข้อมูลที่ได้รับฟังมั่นใจว่า จะสามารถแจ้งข้อกล่าวหา คู่อริได้ คือ ฆ่าผู้อื่นโดยไม่เจตนา หรือ กระทำการโดยประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่กรรม

จะสั่งให้พนักงานสอบสวน สภ.วังสามหมอ เร่งปฏิบัติงานไต่สวน ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ ทั้งสองฝ่าย

และก็ หากญาติผู้ตายมั่นใจว่า มีผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์อื่น หรือหลักฐานอื่น ก็เอามาให้ตำรวจ นอกจากนั้นผลวิเคราะห์การเสียชีวิตของหมอ ก็เป็นหลักฐาน ซึ่งจำเป็นที่จะต้องไปสืบสวนคำให้การ จากหมอที่ทำการรักษา ขอรับรองว่าตำรวจจำเป็นที่จะต้องรับฟ้องร้องแน่นอน และก็ ให้ทั้งสองฝ่าย ไปพิสูจน์ความจริงกันบนศาล

1 อุ๊งอิ๊ง

“อุ๊งอิ๊ง-SC Asset” งานเข้า! เป็นเจ้าของหมู่บ้านทุนจีน โยง “สีเทา” “อั้ม เนโกะ” ฟาด “เจี๊ยบ ก้าวไกล” ล้าหลัง

“เพจดัง” เปิดเผย อดีตกาลบิ๊กสีกากียุค “ยิ่งลักษณ์-ทักษิณ” หนุนออกเชื้อชาติไทยให้ “ตู้ห่าว” เจอหมู่บ้านทุนจีน โยง “สีเทา” มีแผนการของ SC Asset – “อุ๊งอิ๊ง” หุ้นใหญ่ด้วย “อัม เนโกะ” ฟาด “เจี๊ยบ” ร่วมกิจกรรมฝ่ายขวา เยอรมนี

น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (30 เดือนพฤศจิกายน 65) เพจเฟซบุ๊ก The METTAD แชร์วิดีโอจากเพลย์ลิสต์ TOP HIGHLIGHT พร้อมเนื้อความระบุว่า “#แอดปอง รายงาน”

โดยรายละเอียดรายงาน ระบุว่า ตำรวจค้นรังหมู่บ้านหรูเครือข่าย “ตู้ห่าว” ยึดเงินสด รถยนต์หรู แหล่งซ่อนตัวมาเฟียทุนจีนโยงอสังหาฯคนเครือญาติชินฯ ถึงว่าเพราะเหตุไร “พท” หุบปาก รัฐบาลล้างบางทุนจีนสีเทา เพราะว่ามีอดีตกาลบิ๊กนายพลสีกากียุค “ยิ่งลักษณ์-ทักษิณ” สนับสนุนออกเชื้อชาติไทยให้ “ตู้ห่าว” เปิดช่องสะดวกเข้ามาทำธุรกิจสีเทา จึงเงียบเป็นเป่าสากไม่โจมตีรัฐบาล กลัวจะเข้าเนื้อตัวเอง

ก่อนหน้าที่ผ่านมา เพจเฟซบุ๊ก The METTAD โพสต์ ภาพกราฟิกเชื่อมโยงความผิดปกติ พร้อมเนื้อความระบุว่า

“พอทุนจีนเริ่มสนุกขึ้น แต่สื่อกลับเงียบปาก
ฝาก Thai PBS สื่อน้ำดี ขยี้หน่อยครับ”

ยิ่งกว่านั้น ได้แชร์เว็บไซต์ สถาบันแนวทางไทย – Thai Move Institute ระบุว่า

“ข้อเท็จจริง หมู่บ้าน แกรนด์ บางกอก บลูเลอวาร์ด สุขุมวิท ทุนจีนสีเทาเหมาซื้อ พบ “อุ๊งอิ๊ง” ถือหุ้นใหญ่

ไทยรัฐรายงาน ตำรวจไปบุกค้นบ้านทุนจีนสีเทาใน หมู่บ้าน แกรนด์ บางกอก บลูเลอวาร์ด สุขุมวิท และ หมู่บ้านอื่น ข่าวสารเจาะจงมีการซื้อเหมาแทบยกโครงการ 50 หลัง จาก 66 หลัง

หมู่บ้าน แกรนด์ บางกอก บลูเลอวาร์ด สุขุมวิท ผู้ครอบครองโครงการ คือ SC Asset

2 อุ๊งอิ๊ง

รายชื่อผู้ถือหุ้น SC Asset อันดับ 1 คือ นางสาว แพทองธาร ชินวัตร

ทั้งนี้ ตอนวันที่ 29 เดือนพฤศจิกายน 2565 ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์สนธิกำลังตำรวจ บช.สอท. ตำรวจหน่วยปฏิบัติการพิเศษ (คอมมานโด) ตำรวจท่องเที่ยว และ ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ล้อมตรวจหา 11 จุด ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และ จังหวัดจังหวัดสมุทรปราการ เพื่อหาหลักฐานตรวจยึด ของผิดกฎหมายของ กลุ่มทุนจีนสีเทา

ตำรวจกระจายกำลัง เข้าตรวจค้นบ้านจุดหมายเครือข่ายกลุ่มทุนจีนสีเทา 10 หลัง ในโครงการบ้านหรู 4 แห่ง ประกอบด้วย บ้านหรู 4 หลัง ในหมู่บ้านหมู่บ้าน แกรนด์ บางกอก บลูเลอวาร์ด สุขุมวิท ซอย แบริ่ง – ลาซาล ต.สำโรงเหนือ อ.เมือง จังหวัดจังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งเป็นโครงการบ้านหรู หลังละกว่า 50 ล้านบาท บ้านหลังที่ 5 และ 6 ในหมู่บ้านทรูแกรนด์ โมนาโก ซอยกาญจนาภิเษก 50 ตำบลดอกไม้ เขตประเวศ กรุงเทพมหานคร บ้านหลังที่ 7 ม.บุราสิริ วัชรพล ถนน สุขาภิบาล 5 ตำบลออเงิน เขตสายไหม กรุงเทพมหานคร บ้านหลังที่ 8 , 9 และ 10 ในหมู่บ้านลดาวัลย์ ราชพฤกษ์ – ปิ่นเกล้า ถนน ราชพฤกษ์ ตำบล บางละมาด เขตตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร สามารถยึดรถยนต์ โตโยต้า อัลพาร์ด 5 คัน ตู้นิรภัย 4 ตู้ ยาชูกำลัง ซึ่งแสดงฉลากเป็นภาษาจีนไม่น้อยเลยทีเดียว ยาสูบจีน และ เหล้าองุ่นหนีภาษีปริมาณหนึ่ง ยาสูบไฟฟ้า เครื่องไม้เครื่องมือเล่นไพ่นกกระจอก ตลอดจน กระเป๋าเสื้อผ้าแบรนด์เนม ปริมาณหนึ่ง จึงยึดไว้ตรวจทาน

3 อุ๊งอิ๊ง

การเข้าตรวจหาบ้านหรู ในหมู่บ้านแกรนด์ บางกอก บูเลอวาร์ด อุ๊งอิ๊ง

ซึ่งจากแนวทางการสืบสวน ทราบดีว่า มีกลุ่มทุนจีน ใช้หมู่บ้านดังที่กล่าวถึงแล้ว เป็นที่พักที่อาศัย เจ้าหน้าที่ได้ทำตรวจยึด รถยนต์อัลพาร์ท ยาชูกำลัง ซึ่งแสดงฉลากเป็นภาษาจีน ไม่น้อยเลยทีเดียว ยาสูบจีน และ เหล้าองุ่นหนีภาษีปริมาณหนึ่ง ตู้นิรภัย 3 ตู้ ยาสูบไฟฟ้า เครื่องไม้เครื่องมือเล่นไพ่นกกระจอก ตลอดจนกระเป๋า เสื้อผ้าแบรนด์เนม ปริมาณหนึ่ง ซึ่งในส่วนนี้ ตรวจยึดเพื่อตรวจตรา ยิ่งกว่านั้น ยังได้ไปตรวจหาห้องพัก ภายในคอนโดฯหรู เขตเจริญนคร ซึ่งมีมูลค่ากว่า 100 ล้านบาท พื้นฐานยึดเงินสด โฉนดที่ดิน เครื่องประดับรถยนต์ ปอร์เช่ รุ่น 911 รถยนต์เบนซ์ รุ่น G calss 2 คัน และ รถยนต์โตโยต้า อัลพาร์ท สีขาว ไว้ทำตรวจตรา

มีแถลงการณ์ว่า แนวทางการสืบสวน พบว่า หมู่บ้านแกรนด์ บางกอก บูเลอวาร์ด แต่ละหลัง มีมูลค่าสูงขึ้นมากยิ่งกว่า 50 ล้านขึ้นไป โดยมีชาวจีนที่เข้ามากว้านซื้อ เพื่อรับรองกลุ่มของผู้คนจีน ร่วมกันที่เดินทางมาในประเทศไทย โดยจะมีแม่บ้าน รอดูแลทำความสะอาด ความเรียบร้อยในบ้านพักให้ อีกทั้ง ก่อนหน้าที่ผ่านมาพบว่า จะมีกลุ่มของผู้คนจีนที่เป็นนักเที่ยว มีความเชี่อมโยงกับผับจินหลิง แวะเวียนมาเล่นไพ่ คบหาสมาคม ที่บ้านหรู ภายในโครงการ ดังที่กล่าวถึงแล้วด้วย

วันหลัง นายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือ ตู้ห่าว เข้ามอบตัวกับตำรวจ ทำให้ชาวจีนกลุ่มดังที่กล่าวถึงแล้ว ได้ขนถ่ายของใช้ในบ้าน และ นำรถยนต์หรูไปซุกซ่อนตามจุดต่าง ๆ ก่อนตำรวจ จะเข้ามาตรวจหา เหลือเพียงคนที่ยังไม่เคยรู้ข่าวสาร การเคลื่อนไหวของนาย ตู้ห่าว หรือบ้านชาวจีนบางหลัง ก็เหลือไว้เพียงแค่คนรับใช้ และ แม่บ้านคนไทยเท่านั้น ในส่วนหลักฐานทั้งสิ้น จากการตรวจหา 11 จุด ชุดสืบสวนตรวจยึดไว้เป็นหลักฐานทางคดี และ จะให้ผู้ครอบครอง มาแสดงตัวกับอธิบาย การได้มาซึ่งเงินทองที่ถูกสงสัย

4 อุ๊งอิ๊ง

รายงานข่าวสารระบุว่า การตรวจหาทั้ง 11 จุด ในคราวนี้

เป็นการขยายผล จากการตรวจหาจากยุทธการ ล้มไม้ค้ำ ลิดกิ่งก้าน ที่ก่อนหน้าที่ผ่านมา ได้ตรวจหาสถานที่ถูกสงสัยว่าเป็นที่พักที่อาศัย และ ใช้ในการทำไม่ดีกลุ่มบุคคลทุนจีนสีเทา และ กระบวนการกลุ่มคอลเซ็นเตอร์ ในพื้นที่กรุงเทพฯ 3 จุด เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา

ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน นายศรัณย์ ฉุยฉาย หรือ อั้ม เนโกะ ผู้ต้องหาคดีความมั่นคง ซึ่งลี้ภัย อยู่ที่ประเทศฝรั่งเศส โพสต์เฟซบุ๊ก พร้อมแคปรูปทวิตเตอร์ ของ นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ระบุว่า

“ความทุเรศของนักการเมืองไทยที่สังกัดอยู่กับพรรค กับกลุ่มที่ชอบอ้างว่าตัวเองก้าวหน้า ก้าวไกล แต่กลับทำตัวล้าหลังไปร่วมกิจกรรมกับพรรคการเมืองฝ่ายขวาอนุรักษนิยมของเยอรมนี

CSU นอกจากจะเป็นพรรคที่สนับสนุนระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยมแล้ว พรรคนี้ยังเป็นพรรคที่เอาศาสนา (คริสต์) มายุ่งกับการเมือง ซึ่งตรงกันข้ามกับอุดมการณ์ของรัฐโลก วิสัยที่ต้องการแยกศาสนาออกจากการเมือง

นี้นะหรอตัวแทนนักการเมืองไทย ที่มาจากฝั่งที่ทำตัวเป็นก้าวหน้า ชอบออกตัวว่า มีหลักการกว่าพรรคอื่น แต่ที่แท้ก็แค่พรรคการเมืองฝ่ายขวา ทำมาพูดว่าจะสร้างรัฐสวัสดิการ ไม่เอาทุนผูกขาด แต่ไม่แตะระบบทุนนิยมทั้งโครงสร้าง แบบนี้เขาเรียกว่า #ปลอม ค่ะ !”

แน่นอน, ประเด็นที่น่าสนใจ อยู่ที่ “กลุ่มทุนจีน” ซึ่งเกี่ยวพัน “ธุรกิจสีเทา” และ ใช้ “นอมินี (ตัวแทน)” ซื้อบ้านในหมู่บ้านหรู ที่มีนักการเมือง “ดัง” เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ นอกจากนั้น “ตู้ห่าว” ผู้ต้องหา คนสำคัญของ “ทุนจีนสีเทา” ยังได้ เชื้อชาติไทย ในยุครัฐบาลพรรคเพื่อไทยอีกด้วย

เมื่อเป็นเช่นนี้ ทำให้การขยายผลตรวจหา ของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ได้รับความพอใจอย่างยิ่ง รวมทั้งสื่อที่วางตัวเป็นกลาง ก็ให้ความใส่ใจกับหัวข้อนี้

แต่ การที่ “ทุนจีน” ซึ่งอาจเกี่ยวพันธุรกิจสีเทา ไปซื้อหมู่บ้านโครงการใหญ่ ของ นักการเมืองดัง อาจไม่ได้เกี่ยวข้องกันก็เป็นไปได้?

แต่ในทางการบ้านการเมือง เมื่อกระแสข่าว ออกมาในทำนองนี้ หลายท่านเชื่อว่า “งานเข้า” นักการเมืองดังแน่ ยิ่งในตอนรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งอยู่ด้วย