โควิดสายพันธุ์ใหม่ เชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์ย่อยใหม่ที่กำลังแพร่ระบาดในสหรัฐอเมริกาอย่าง XBB.1.5 ทำให้เกิดความรู้สึกหนักใจเนื่องจากมันแพร่อย่างได้อย่างรวดเร็วทันใจ
เว้นเสียแต่ในสหรัฐฯ แล้ว การแพร่ระบาด ของ สายพันธุ์ใหม่ นี้ ก็ เริ่ม มี จำนวน มากขึ้น ใน สหราชอาณาจักร เหมือนกัน แล้วพวกเราจำเป็นต้องทราบอะไรบ้างเกี่ยวกับ XBB.1.5 เพื่อเตรียมรับมือกับมัน
โควิดสายพันธุ์ใหม่ XBB.1.5 คืออะไร แล้วก็อาการของมันเป็นอย่างไร
มันเป็นเชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์ย่อยที่แยกตัวมาจากโอมิครอนที่นับได้ว่าเป็นสายพันธุ์หลักของโลกอยู่ขณะนี้ ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสที่กลายพันธุ์มาจาก อัลฟา เบตา แกมมา และเดลตา ที่เคยเป็นสายพันธุ์หลักมาก่อนหน้านี้
โอมิครอนเป็นเชื้อไวรัสที่มีคุณภาพเหนือกว่าไวรัสโคโรนาสายชนิดที่ผ่านมาทั้งหมดนับจากเริ่มของการระบาดใหญ่ไปทั่วโลกเมื่อปลายปี 2021 และทำให้เกิดสายพันธุ์ย่อยจำนวนมากซึ่งทำให้แพร่ระบาดได้มากกว่าสายพันธุ์ย่อยตัวเดิม
ลักษณะของ XBB.1.5 นั้นมีความเหมือนกับลักษณะของโอมิครอน แต่ว่าก็ยังเร็วเกินไปที่จะยืนยันว่าอาการคล้ายกันจริงหรือไม่ โดยคนไข้จำนวนมากที่ติดเชื้อโรคเชื้อไวรัสสายพันธุ์ย่อยตัวนี้มักมีลักษณะคล้ายเป็นหวัด
XBB.1.5 ติดได้ง่ายกว่าหรือเป็นอันตรายมากกว่าสายพันธุ์ย่อยก่อนหน้าหรือไม่
XBB.1.5 ปรับปรุงมาจาก XBB ซึ่งตรวจเจอคราวแรกในประเทศอินเดียในเดือน สิงหาคม 2022 แม้กระนั้นยังไม่ได้จัดอยู่ในชนิดที่เรียกว่า “สายพันธุ์ที่น่าวิตก” โดยหน่วยงานด้านสุขภาพ ต่อมาเริ่มแพร่ระบาดในสหราชอาณาจักรเมื่อเดือน เดือนกันยายน 2022
XBB มีการกลายพันธุ์ที่ช่วยทำให้เอาชนะภูมิคุ้มกันของร่างกายได้ แต่ว่าคุณคุณลักษณะเดียวกันนี้ยังลดความรู้ความเข้าใจสำหรับในการติดเชื้อในเซลล์ของผู้คนด้วย
ศาสตราจารย์ เว็นดี บาร์เคลย์ จากอิมพีเรียล คอลเลจ ลอนดอน พูดว่า XBB.1.5 มีการกลายพันธุ์ที่รู้จักกันในชื่อ F486P ซึ่งมีความรู้และความเข้าใจในการยึดเกาะกับเซลล์ในช่วงเวลาที่ยังคงหลบเลี่ยงภูมิต้านทานได้ ทำให้แพร่ได้ง่ายดายมากยิ่งขึ้น
เธอกล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงทางด้านวิวัฒนาการกลุ่มนี้เป็นเสมือนก้าวแรกของทาง เพราะเหตุว่าเชื้อไวรัสมีพัฒนาการเพื่อค้นหากรรมวิธีการใหม่สำหรับการเลี่ยงกลไกการคุ้มครองตัวเองของร่างกาย
นักวิทยาศาสตร์จากองค์การอนามัยโลก (WHO) การันตีเมื่อ 4 เดือนมกราคม ว่า XBB.1.5 มี “ความได้เปรียบสำหรับในการเติบโต” เหนือสายพันธุ์ย่อยอื่นๆทั้งหมดที่เจอในปัจจุบัน
แต่ว่าพวกเขาพูดว่าไม่มีข้อชี้ชัดว่ามันร้ายแรงหรือก่อให้เกิดอันตรายมากยิ่งกว่าสายพันธุ์ย่อยที่ผ่านมาอย่างโอมิครอน
WHO บอกว่าจะติดตามผลการค้นคว้าในห้องปฏิบัติการ ข้อมูลตามโรงพยาบาล แล้วก็อัตราการติดเชื้ออย่างใกล้ชิด เพื่อหารายละเอียดต่างๆนอกเหนือจากนี้เกี่ยวกับผลพวงที่มีต่อคนป่วย
XBB.1.5 แพร่กระจายไปที่ใดบ้าง
กว่า 40% ของผู้ติดเชื้อโควิดในสหรัฐอเมริกาคาดว่าเกิดจากสายพันธุ์ย่อย XBB.1.5 ทำให้กลายเป็นสายพันธุ์หลักในประเทศ
เมื่อต้นเดือน ธ.ค. 2022 ผู้ติดเชื้อโรคสายพันธุ์ย่อย XBB.1.5 มีสัดส่วนเพียง 4% ของผู้ติดเชื้อโรคทั้งหมด ซึ่งทำให้ในช่วงเวลานี้ XBB.1.5 ได้แซงหน้าโอมิครอนสายพันธุ์ย่อยอื่นๆอย่างรวดเร็ว
การเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลของคนป่วยโควิดมากขึ้นในช่วงไม่กี่อาทิตย์ก่อนหน้านี้ที่ผ่านมาทั่วสหรัฐอเมริกา
ที่ทำการความมั่นคงและยั่งยืนด้านสุขภาพที่สหราชอาณาจักร (UK Health Security Agency) มีระบุจะออกรายงานเกี่ยวกับสายพันธุ์ที่แพร่กระจายในสหราชอาณาจักรในอาทิตย์หน้า และก็อาจมีการพูดถึงสายพันธุ์ XBB.1.5
สายพันธุ์ย่อย XBB.1.5 จะกลายเป็นสายพันธุ์หลักในสหราชอาณาจักรได้หรือไม่
ไม่มีอะไรแน่นอน แต่ก็มีความเป็นไปได้
สหราชอาณาจักรเกิดการแพร่ระบาดของโอมิครอน 5 ระลอกในปี 2022 และก็การเพิ่มขึ้นของปริมาณคนเจ็บเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้
จำนวนผู้เจ็บป่วยประจำสัปดาห์จนกระทั่งวันเสาร์ที่ 17 ธันวาคม จาก Sanger Institute หรือสถานที่บันแซงเกอร์ ในเคมบริดจ์ทำให้เห็นว่า 1 ใน 25 ของคนไข้โควิดในสหราชอาณาจักรเป็น XBB.1.5
แต่ข้อมูลนั้นมาจากตัวอย่างเพียงเก้าตัวอย่าง ด้วยเหตุดังกล่าวอาจจำเป็นต้องคอยอีกหนึ่งหรือสองสัปดาห์เพื่อให้เห็นภาพที่ชัดขึ้นว่าการแพร่ระบาดจะเป็นอย่างไร
ศาสตรจารย์บาร์เคลย์กล่าวว่า เธอคาดว่าจะมีผู้เข้ารับการดูแลและรักษาในโรงพยาบาลมากยิ่งขึ้นในสหราชอาณาจักร ถ้าสายพันธุ์ย่อยเริ่มแพร่ระบาดในสหราชอาณาจักร “จากที่พวกเราคาดไว้”
ศาสตราจารย์พอล ฮันเตอร์ จาก University of East Anglia หรือมหาวิทยาลัยที่อีสต์อังเกลีย บอกว่า “มีความน่าจะเป็นไปได้ที่ XBB.1.5 จะทำให้เกิดการแพร่ระบาดระลอกแรกในสิ้นเดือนนี้ แต่ว่าพวกเราไม่อาจจะแน่ใจได้”
นักวิทยาศาสตร์กังวลเกี่ยวกับ XBB.1.5 หรือไม่
ศ.จ.บาร์เคลย์พูดว่า เธอไม่ได้เป็นห่วงเป็นพิเศษเกี่ยวกับประชากรทั่วไปของสหราชอาณาจักร เนื่องด้วยไม่มี “สัญญาณระบุ” ว่า XBB.1.5 จะ “ทะลุ” เกราะป้องกันการเจ็บป่วยรุนแรงที่ผู้คนได้รับจากวัคซีนกันไปเป็นส่วนใหญ่แล้ว
แต่ว่าเธอกลุ้มใจเกี่ยวกับผลกระทบต่อกลุ่มบอบบาง ที่รวมถึงผู้ที่มีภาวะภูมิต้านทานขาดตกบกพร่อง ซึ่งอาจมีเกราะคุ้มครองที่บางทีอาจจะน้อยกว่าจจากการได้รับวัคซีนโควิด
ศาสตราจารย์ฮันเตอร์บอกว่า เขามองไม่เห็นหลักฐานว่า XBB.1.5 มีความร้ายแรงมากยิ่งกว่า ซึ่งแปลว่าบางทีอาจจะไม่ “ทำให้ท่านจำเป็นต้องเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลหรือฆ่าคุณ” มากกว่าสายพันธุ์โอมิครอนที่มีอยู่
“เกิดเรื่องน่าขำขันที่ทุกคนมุ่งความสนใจไปที่สายพันธุ์ย่อยที่เป็นไปได้ว่าจะเกิดขึ้นจากจีน แต่โดยความเป็นจริงแล้ว XBB.1.5 มาจากสหรัฐฯ” เขากล่าวเสริม
ศ.จ.เดวิด เฮย์มันน์ จาก London School of Hygiene and Tropical Medicine ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยด้านสุขอนามัยและก็เวชศาสตร์เขตร้อนในลอนดอน สารภาพว่ายังจำเป็นต้องอาศัยเวลาอีกพอควรที่จะเรียนรู้เกี่ยวกับสายพันธุ์ย่อยตัวล่าสุดนี้
แม้กระนั้นเขากล่าวว่าไม่น่าจะก่อให้เกิดปัญหาใหญ่ในประเทศอย่างอังกฤษ ซึ่งมีการฉีดวัคซีนในระดับค่อนข้างสูงและก็การได้รับเชื้อของประชากรมาก่อนหน้านี้
ความกลุ้มอกกลุ้มใจของเขาคือประเทศต่างๆอาทิเช่น จีน ซึ่งมีทั้งปริมาณคนรับวัคซีนที่น้อยรวมทั้งภูมิต้านทานตามธรรมชาติยังไม่มากพอ อันสืบไปมาจากการปิดประเทศที่ไม่จบสิ้น
“จีนจะต้องแบ่งปันข้อมูลทางคลินิกเกี่ยวกับคนที่ติดโรคเพื่อมองว่าโควิดสายพันธุ์ย่อยกลุ่มนี้มีความประพฤติอย่างไรในกลุ่มประชากรที่ไม่มีภูมิต้านทาน” ศ.จ.เฮย์มันน์กล่าว